เกมที่สนาม Porte de La Chapelle Arena กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพิ่งเริ่มต้น วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ นักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ลงแข่งขันรอบ 8 คนสุดท้าย พบกับ ฉือหยู่ฉี มือ 1 ของโลกจากจีน
เป็นรอบที่ทุกคนกังวล นับตั้งแต่ผลจับสลากการแบ่งสายออกมา เพราะวิวจะต้องมาเจอกับฉือหยู่ฉีในรอบ 8 คนสุดท้ายของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรกของเขา
ย้อนกลับไปที่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอดช่วงก่อนปารีส 2024 ผมได้มีโอกาสสัมภาษณ์วิวถึงมุมมองที่เขามีต่อโอลิมปิกเกมส์ครั้งแรก ได้ขอคำแนะนำอะไรจากรุ่นพี่อย่าง เมย์-รัชนก อินทนนท์ ที่กำลังเดินทางไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์สมัยที่ 4 ที่ปารีสครั้งนี้บ้างไหม และมีมุมมองอย่างไรต่อผลการจับสลากที่ต้องมาเจอกับมือ 1 ของโลกในรอบ 8 คนสุดท้าย
“เล่นไปทีละรอบครับ อย่าเพิ่งมองอนาคตเกินไป” คือคำตอบที่วิวให้กับเราในวันนั้น
“เราพยายามที่จะทำหน้าที่ของตัวเองในกลุ่มให้ดีที่สุดก่อน อย่าเพิ่งไปนึกถึงว่าเราจะผ่านรอบแบ่งกลุ่ม รอบ 16 เจอใคร รอบ 8 เจอใคร ยิ่งถ้าเรามองอย่างนี้ มันจะยิ่งเพิ่มความกดดันของเรา ผมมองว่าในกลุ่มก็ค่อนข้างแข็งอยู่แล้ว ก็พยายามเล่นในกลุ่มให้ดีก่อน ส่วนผลจะเป็นอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง ค่อยว่ากัน”
และยังคงเป็นคำตอบสำคัญที่วิวให้กับเรา หลังจบรอบ 16 คนสุดท้ายที่เขายืนยันว่า “ทำได้เกินเป้าหมายแล้ว หลังจากนี้คือโบนัส”
วิวเริ่มต้นเกมรอบ 8 คนสุดท้ายได้อย่างยอดเยี่ยม แต่สิ่งที่สร้างความเซอร์ไพรส์มากที่สุดคือสีหน้าของวิว จังหวะที่หยอดหลอกคู่แข่งมือ 1 ของโลกได้ วิวมองตรงไปที่ฉือหยู่ฉี นักกีฬาที่แฟนกีฬาและสื่อมวลชนหลายคนกังวลก่อนเกมว่าน่าเกรงขาม พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ ทำให้หลายคนรอบตัวผมในสนามตกใจเป็นอย่างมาก ถึงกับหันมามองหน้ากันและพูดสั้นๆ ว่า “แสบมาก”
และช่วงเวลาที่เหลือของเกม วิวก็ยิ่งมั่นใจขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการเล่นที่ดุดันและกล้าหาญ ในขณะเดียวกัน ฉือหยู่ฉีกลายเป็นฝ่ายที่ดูสูญเสียความมั่นใจอย่างต่อเนื่องไปจนจบเกม แม้ว่าช่วงท้ายเกมสอง ฉือหยู่ฉีจะโชว์ฟอร์มได้ดีขึ้น และเรียกคะแนนกลับมาได้บ้าง
ทั้งวิวและฉือหยู่ฉีเป็นนักกีฬาที่มีศักยภาพสูง แน่นอนว่าทั้งคู่มีความสามารถในระดับต้นๆ ของโลก เพราะวิวเองก็สามารถคว้าแชมป์โลกมาได้แล้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นของวิวในวันนี้ นอกจากรูปเกมที่เด็ดขาดและฟอร์มการเล่นที่นิ่งและแม่นยำ คือสภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง
ซึ่งตรงกับที่วิวเคยตอบคำถามผมก่อนโอลิมปิกเกมส์ว่า เคยกลัวที่จะเจอใครในรอบไหนไหมในโอลิมปิกครั้งนี้
“ไม่มีครับ ผมว่านักกีฬามันเจอกันมาหมดทั้งปีอยู่แล้ว ปีที่แล้วก็เจอหมดอยู่แล้ว ปีนี้ก็เจอหมดอยู่แล้ว ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับนักกีฬา อยู่ที่วันนั้นใครเตรียมพร้อม มีสมาธิ มีสติในการควบคุมเกมของตัวเองได้มากกว่ากัน”
ซึ่งทั้งการมองเห็นความเป็นจริงว่านักกีฬาทุกคนมีโอกาสเท่ากัน และที่สำคัญคือการไม่ไปโฟกัสที่อนาคตมากเกินไปจนกดดันตัวเอง แต่เลือกที่จะมองอยู่กับตัวเองในปัจจุบัน ไปทีละรอบ ต่อกรกับคู่แข่งทีละสนาม และทำให้ดีที่สุด
จึงนับได้ว่าวิวอยู่ในฟอร์มที่ดี ทั้งทักษะฝีมือและทัศนคติสำหรับการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ รายการที่กดดันมากที่สุด เพราะทุกคนรู้ดีว่ารายการนี้มีโอกาสแค่ 4 ปีครั้งเท่านั้น
ในช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ หลังวิวเอาชนะมือ 1 ของโลกไป ผมได้มีโอกาสถามวิวอีกครั้งว่า
เราเพิ่งชนะมือ 1 ของโลก มีวิธีรับมือทางความคิดอย่างไรให้ไม่คิดไปไกลมากเกินไป
“จริงๆ ก็ตั้งแต่รอบแรก คิดไปทีละรอบ เพราะว่าอย่างที่บอกไป การมาครั้งแรกเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว เราก็แค่ทำผลงานของตัวเองให้ดีครับ”
