ถ้าใครมีโอกาสไปเที่ยวเชียงราย นอกจากสถานที่ยอดฮิตอย่างวัดร่องขุ่น ภูชี้ฟ้า และพระตำหนักดอยตุงแล้ว หากได้ลองขับรถออกจากตัวเมืองเชียงรายสักประมาณ 40 กิโลเมตร ลัดเลียบไปบนเส้นทางที่ทอดนำไปสู่น้ำตกขุนกรณ์ ไต่ระดับขึ้นไปบนดอยสูงของตำบลห้วยชมภู คุณจะได้พบกับบ้านปางขอน ชุมชนเล็กๆ ของชาวบ้านเผ่าอาข่า ที่หากลองได้มาสักครั้ง รับรองว่าคุณจะตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เพราะไม่เพียงแต่ชุมชนแห่งนี้จะสะพรั่งด้วยดอกพญาเสือโคร่งในเดือนมกราคมจนสามารถเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวซากุระเมืองไทยลับๆ ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่านั้น แต่ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ปลูกเมล็ดกาแฟแหล่งสำคัญ ยิ่งถ้าเป็นคอกาแฟอาราบิก้าและชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงนิเวศด้วยแล้ว ชุมชนบ้านปางขอนจะเป็นที่ถูกใจอย่างแน่นอน
แต่กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ รู้ไหมว่าชาวปางขอนเคยมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร
‘ปางขอน’ นับเป็นชุมชนชาวเขาขนาดเล็ก ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวเผ่าอาข่า ก่อนหน้าที่ชาวบ้านจะปลูกเมล็ดกาแฟอย่างในปัจจุบัน ชาวปางขอนรุ่นพ่อแม่นั้นเคยยึดอาชีพปลูกพืชไร่ เช่น ข้าวโพด มะเขือเทศ กะหล่ำปลี รวมทั้งเลี้ยงไก่และหมูเพื่อนำไปขายยังหมู่บ้านใกล้ๆ ซึ่งหมู่บ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านปางขอนที่สุดยังห่างออกไปถึง 20-30 กิโลเมตร ชาวบ้านเองที่ยังไม่มียานพาหนะใดๆ ในการเดินทางจึงต้องอาศัยการเดินเท้าเพื่อขนวัตถุดิบต่างๆ ในหมู่บ้านไปขาย
ระยะทางอันห่างไกลไม่เพียงเป็นอุปสรรคแค่เฉพาะกับการแลกเปลี่ยนสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรู้และความเจริญต่างๆ ที่เดินทางมาไม่ถึงชุมชนบ้านปางขอน เช่น เมื่อมีใครเจ็บไข้ได้ป่วย กว่าที่ผู้ป่วยจะเดินทางไปถึงมือหมอ สภาพร่างกายอาจย่ำแย่ลงไปมาก หรือในเรื่องของการศึกษาเองที่เด็กๆ หลายคนก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เรียนอย่างที่หวัง หรือการจะยังชีพโดยพึ่งพิงแค่การปลูกผักขายก็ไม่ได้นำมาซึ่งรายได้ที่เพียงพอจะเลี้ยงดูครอบครัว
กระทั่งชาวบ้านได้หันมาปลูกเมล็ดกาแฟนั่นเอง ชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขาจึงค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
จากที่เคยเดินเท้าอย่างเดียว ชาวบ้านเริ่มมีกำลังที่จะซื้อพาหนะเพื่อใช้เดินทาง เช่นกันกับที่อยู่อาศัยของพวกเขาที่พัฒนาขึ้นมาก จากกระต๊อบเล็กๆ ที่สร้างจากไม้ไผ่และหญ้าคาได้กลายมาเป็นบ้านอิฐปูน หลังคามุงกระเบื้อง ซึ่งช่วยป้องกันความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี
แต่แม้ความเป็นอยู่ของชาวบ้านจะดีขึ้นหลังจากหันมาปลูกเมล็ดกาแฟ ทว่าพวกเขายังต้องพบกับปัญหาการกดราคาจากพ่อค้าคนกลาง บ้างก็ถึงขั้นต้องขนกาแฟไปขายในเมืองใหญ่ใกล้ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งอาจกินเวลาคราวละ 5-6 ชั่วโมง
ด้วยเห็นถึงความยุ่งยากและอุปสรรคอีกสารพัดที่ชุมชนบ้านปางขอนต้องรับมือ คาเฟ่อเมซอนและบริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด จึงได้จัดทำโครงการร่วมกับวิสาหกิจชุมชนกาแฟปางขอนและวิสาหกิจชุมชนกาแฟอาข่าปางขอน โดยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพเมล็ดกาแฟของชาวบ้านปางขอนให้เป็นที่ต้องการของตลาด มีแหล่งรับซื้อที่แน่นอน และอยู่ภายใต้ระบบราคาที่เป็นธรรม ด้วยแนวคิดโครงการ ‘จัดหาเมล็ดกาแฟจากชุมชน’ (Community Coffee Sourcing) เพื่อที่ชาวบ้านจะได้ไม่ต้องกังวลว่าอาจถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา และวิถีชีวิตของพวกเขาจะมั่นคงขึ้นตามลำดับ
คาเฟ่อเมซอนยังแนะแนวทางและสนับสนุนให้การปลูกเมล็ดกาแฟของชาวบ้านคำนึงถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ ชุมชน ไม่ให้มีการบุกรุกผืนป่า หันมาปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มความเขียวชอุ่มให้กับพื้นที่ ทั้งยังช่วยพัฒนาระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนบ้านปางขอนในอนาคต
เมล็ดกาแฟจากบ้านปางขอนได้เดินทางข้ามประเทศและถูกชงอย่างพิถีพิถัน เป็นกาแฟของคาเฟ่อเมซอนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้การดื่มกาแฟจากคาเฟ่อเมซอนแต่ละแก้วต่อจากนี้จะมีคุณค่ายิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพราะถือเป็นการช่วยสนับสนุนเมล็ดกาแฟของชุมชนบ้านปางขอนโดยตรง ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ในชุมชนเล็กๆ นี้อย่างเห็นผลชัดเจน
นอกจากนี้บริเวณข้างแก้วของกาแฟคาเฟ่อเมซอนยังมีคิวอาร์โค้ดให้ได้ลองสแกนเพื่อรับชมมิวสิกวิดีโอเพลง ขอบคุณ (แต่งและร้องแรปโดย กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่) ที่เกษตรกรชาวเขาแห่งชุมชนบ้านปางขอนลงแรงถ่ายทำด้วยตัวเองเพื่อส่งต่อคำขอบคุณของพวกเขาสู่กาแฟอเมซอนทุกแก้วที่ช่วยให้ชุมชนบ้านปางขอนมีชีวิตที่มั่นคงและพบความสุขมากขึ้นในทุกๆ วัน อีกทั้งยังเป็นแรงผลักดันสำคัญให้พวกเขาอยากพัฒนาเมล็ดกาแฟให้มีคุณภาพดียิ่งๆ ขึ้นไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์