วันนี้ (14 กรกฎาคม) รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ติดตามการปรับระดับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภคหรือการค้ากำไรเกินควร ในช่วงที่คนไทยเช่นเดียวกับคนทั่วโลกที่กำลังเผชิญปัญหาภาวะเงินเฟ้อ โดยมีการติดตามต้นทุนการผลิต ปริมาณสต๊อกสินค้า เพื่อให้การกำหนดราคาเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ส่งผลให้สินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวันหลายชนิดชะลอการปรับเพิ่มราคา
ล่าสุดจุรินทร์ได้สั่งการให้เร่งรัดการปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดตามต้นทุนการผลิตที่ปรับลดลง โดยร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ห้างสรรพสินค้า จะเริ่มปรับลดราคาน้ำมันปาล์มขวดลง 4-5 บาท จากราคาขายปัจจุบันที่ขวดละ 69-70 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป เพื่อให้มีราคาสะท้อนตามต้นทุนที่แท้จริง
รัชดากล่าวว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานผลการประชุมร่วมกับห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งทุกฝ่ายพร้อมให้ความร่วมมือ แต่การลดราคาอาจจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับต้นทุนและสต๊อกเก่าที่มีค้างอยู่ของแต่ละผู้ประกอบการ แต่ยืนยันได้ว่าน้ำมันปาล์มขวดจะต้องขายตามต้นทุนที่แท้จริง หากผลปาล์มดิบลดราคา น้ำมันปาล์มขวดก็ต้องปรับลดด้วย เป็นไปตามโครงสร้างการคำนวณราคาประมาณการของผลปาล์มน้ำมัน น้ำมันปาล์มดิบ และน้ำมันปาล์มขวด ที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้เป็นราคาแนะนำให้ปฏิบัติ ซึ่งสัปดาห์นี้ผู้ประกอบการรายใหญ่จะเริ่มต้นลดราคา 4-5 บาทก่อน และสัปดาห์หน้าจะทยอยลดอีก ซึ่งการคำนวณราคาจะต้องดูต้นทุนสต๊อกช่วงก่อนหน้าที่สั่งสินค้าเข้ามาประกอบด้วย โดยกรมการค้าภายในจะติดตามการปรับลดราคาอย่างใกล้ชิด ให้เป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง เพื่อไม่ให้เกิดการเอาเปรียบผู้บริโภค ตามข้อสั่งการจุรินทร์
“สำหรับสินค้าทั่วไป สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ยังได้ติดตามกำกับดูแลสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยให้ร้านค้าต้องปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายสินค้าให้ชัดเจน ห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาหรือจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร ตัวเลข ณ วันที่ 12 กรกฎาคม มีการสำรวจรวม 299 แห่ง จากห้างสรรพสินค้า 105 แห่ง ร้านค้าปลีก-ส่ง 129 แห่ง และตลาดสด 65 แห่ง โดยยอดสะสมตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน 2565 รวมทั้งสิ้น 4,635 แห่ง จากห้างสรรพสินค้า 1,613 แห่ง ร้านค้าปลีก-ส่ง 2,139 แห่ง และตลาดสด 883 แห่ง พบว่าขณะนี้สินค้ามีเพียงพอกับความต้องการในแต่ละพื้นที่ หากประชาชนพบการทำผิดกฎหมาย รวมทั้งการกระทำผิดในร้านค้าออนไลน์ สามารถโทรแจ้งข้อมูลได้ที่ สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือทางอีเมล [email protected].” รัชดากล่าว