×

แพทองธารดันคณะซอฟต์พาวเวอร์แก้ไขกฎกระทรวง ปรับเรตห้ามฉายใหม่-ตั้งเป้ากลางปี พ.ร.บ.THACCA ต้องเข้าสภา

โดย THE STANDARD TEAM
04.01.2024
  • LOADING...
แพทองธาร ชินวัตร

วันนี้ (4 มกราคม) แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ครั้งที่ 1/2567 ว่า ที่ประชุมได้ย้ำ 3 ประเด็นหลักคือ การแก้ไขกฎกระทรวงและประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551, การตั้ง One Stop Service และความคืบหน้าการยกร่าง พ.ร.บ.THACCA

 

โดยประเด็นแรกคือการจัดเรตติ้งภาพยนตร์ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากภาคเอกชนมานานหลายปีจากความไม่สมเหตุสมผลของเกณฑ์ รวมถึงความไม่ชัดเจนของการพิจารณานั้น กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับคณะอนุกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์สาขาภาพยนตร์ได้เสนอการทำงาน 3 เรื่องคือ ส่วนที่ 1 การเปลี่ยนแปลง ‘คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และเกม’ ทั้งสัดส่วนของคณะกรรมการให้เอกชนมีเสียงข้างมาก และเป็นประธานคณะกรรมการทุกชุด โดยจะตั้งคณะกรรมการใหม่ 9 ชุด รวมชุดที่ 1 ที่ยังไม่หมดวาระ เป็น 10 ชุด แบ่งออกเป็นคณะพิจารณาภาพยนตร์ 8 ชุด และคณะพิจารณาด้านเกมโดยเฉพาะ 2 ชุด เพราะเกมและภาพยนตร์มีวิธีคิดและมุมมองที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องพิจารณาแยกกัน 

 

ทั้งนี้ มีจุดสำคัญคือการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของคณะกรรมการพิจารณาจะต้องมีสัดส่วนของเอกชนมากกว่าภาครัฐบาล โดยกำหนดให้ประธานคณะพิจารณาในแต่ละชุดเป็นเอกชน และมีคณะกรรมที่มาจากภาคเอกชน 3 คน และจากภาครัฐ 2 คน จากเดิมที่มีเอกชน 3 คน และภาครัฐ 4 คน 

 

“การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนการพิจารณาครั้งนี้จะทำให้ภาพยนตร์ไทยได้รับการพิจารณาเรตติ้งที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมมากขึ้น การจัดเรตคนดูจะเป็นเพียงตัวบอกว่าสิ่งใดเหมาะสม แต่จะไม่ใช่การควบคุมภาพยนตร์ไทยอีกต่อไปค่ะ” แพทองธารกล่าว

 

แก้กฎกระทรวง แก้ประเภทห้ามฉายเหลือกระทบพระมหากษัตริย์

 

แพทองธารกล่าวว่า ส่วนที่ 2 คือการแก้ไขกฎกระทรวงและประกาศที่ออกตามความในพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างรอการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชน สำหรับการแก้ไขกฎกระทรวงที่มาของจัดประเภทเรตของภาพยนตร์จะเป็นการแก้ไขในส่วนของภาพยนตร์ที่ห้ามฉายในประเทศไทย โดยภาพยนตร์ที่ห้ามฉายในประเทศไทยจะเหลือเพียงข้อกำหนดเดียวคือเนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนประเด็นอื่นๆ เรื่องศาสนา เรื่องความมั่นคง รวมถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ จะถูกจัดอยู่ในเรตผู้ชมที่เหมาะสมแทนการห้ามฉาย โดยกระบวนการแก้กฎกระทรวงนี้ยังอยู่ในกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และคาดว่าการแก้ไขจะเสร็จสิ้นในช่วงกลางปีนี้ 

 

ส่วนที่ 3 คือการสร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะยาว นั่นคือการยกร่างกฎหมายพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฯ ฉบับใหม่ รวมถึงการส่งเสริมให้เกิด ‘สภาภาพยนตร์ไทย’ องค์กรใหม่ภายใต้ THACCA มาทำหน้าที่สนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ไปจนถึงการพิจารณาจัดเรตผู้ชมในอนาคต และให้เอกชนเป็นผู้จัดเรตผู้ชมด้วยตัวเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดเรตของผู้ชมทั้ง 3 ส่วนคือการเปลี่ยนวิธีคิดที่ภาครัฐเคยเน้นควบคุมภาพยนตร์เป็นการสนับสนุนเสรีภาพและส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินทุกคน

 

ตั้งศูนย์ดูแลอุตสาหกรรมเพลง-ภาพยนตร์ครบวงจร

 

แพทองธารยังกล่าวว่า การตั้ง One Stop Service จะเป็นการรวมเอาการติดต่อหน่วยงานราชการหลายๆ หน่วยเข้าไว้ที่เดียว โดยสองอุตสาหกรรมแรกที่จะลงมือทำ One Stop Sevice คืออุตสาหกรรมเพลงและภาพยนตร์ เพราะการจัดคอนเสิร์ตและการถ่ายทำภาพยนตร์มีปัญหามากที่ต้องติดต่อหลายหน่วยงานราชการ และประเด็นสุดท้ายคือ กระบวนการยกร่าง พ.ร.บ.THACCA ที่จะเป็นกฎหมายหลักสำหรับหน่วยงานที่จะมาขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ ตอนนี้ตัวกฎหมายกำลังอยู่ในขั้นตอนของตรวจสอบความเรียบร้อยและเปิดรับฟังความเห็น โดยเราตั้งใจจะผลักดันให้เข้าสภาภายในกลางปีนี้ให้ได้

 

แจงของบกลางเพิ่ม 2.5 พันล้านบาท

 

เมื่อถามว่า งบประมาณการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ยังอยู่ที่ 5,164 ล้านบาทหรือไม่ นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ทั้ง 11 อุตสาหกรรมได้เสนองบประมาณที่ 5,164 ล้านบาท ซึ่งบางอุตสาหกรรมเสนอใช้งบในปี 2567 แต่บางอุตสาหกรรมเสนอใช้งบของปี 2567 และ 2568 รวมกัน เมื่อนำมากลั่นกรองแล้วพบว่า งบปี 2567 จะอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นงบของปี 2568 โดยวันนี้ที่ประชุมยังไม่ได้ลงรายละเอียด และให้ไปทำคำของบประมาณกับสำนักงบประมาณ เพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับงบของแต่ละกระทรวงและเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า

 

ส่วนการของบ 3,500 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2567 นั้น นพ.สุรพงษ์กล่าวว่า เป็นงบที่มาจากหลายกระทรวง ทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นต้น ซึ่งมีข้อสังเกตจากสำนักงบประมาณว่า ตัวเลขงบประมาณ 3,500 ล้านบาท มีอยู่ในการพิจารณางบปี 2567 กว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้น งบที่ 11 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์เสนอมาจะอยู่นอกเหนือจากที่หน่วยงานราชการตั้งไว้ 2,500 ล้านบาท โดยจะต้องของบกลางมาเพื่อดำเนินการ ซึ่งตัวเลขนี้จะเสนอในที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ชุดใหญ่ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวันอังคารที่ 9 มกราคมนี้

 

แพทองธาร ชินวัตร แพทองธาร ชินวัตร

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X