วันนี้ (16 สิงหาคม) บรรยากาศก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ซึ่งในวันนี้พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อ แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย
ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา สส. ทั้งจากพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านทยอยเข้าอาคารตั้งแต่ช่วงเช้า เช่น พรรคภูมิใจไทย นำโดย อนุทิน ชาญวีรกูล ที่สวมใส่ผ้าไทยสีน้ำเงิน ยืนยันว่า 71 เสียงของพรรคภูมิใจไทยจะโหวตให้แพทองธาร ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่มีแตกแถว และเมื่อวานก็ได้แถลงข่าวร่วมและยืนยันอย่างชัดเจนแล้วว่าจะสนับสนุนแพทองธารเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31
รวมถึงพรรคประชาชน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลมีความพร้อมแล้วที่จะเสนอชื่อแพทองธาร และวันนี้ในการทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน เราจะใช้เวทีสภาผู้แทนราษฎรในการอภิปรายสอบถามเรื่องความเหมาะสมและแนวทางว่าเราจะขับเคลื่อนประเทศต่อจากนี้กันอย่างไรบ้าง
ส่วนแนวทางพรรคในการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น ณัฐพงษ์กล่าวว่า สาระหลักต่อจากนี้คือการทำงานร่วมกันใน 3 ปีต่อจากนี้ จะเห็นได้ชัดว่ากฎกติกาหลายอย่างในบ้านเรา ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ คดียุบพรรคและการถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง ซึ่งไม่ใช่เฉพาะกรณี เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช ก็เคยโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง รวมถึงข้อกฎหมายเกี่ยวกับจริยธรรมทางการเมืองที่มีการประหารชีวิตทางการเมือง ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือว่าเป็นโจทย์ร่วมกัน
ขณะที่ในส่วนของการโหวตนายกรัฐมนตรีนั้น มติที่ประชุม สส. พรรคประชาชน เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา เราจะยืนยันในจุดเดิมในการแสวงหาจุดร่วมและสงวนจุดต่าง และเรายืนยันหลักการเดิมในการโหวตเศรษฐาเมื่อปีที่แล้ว คือการลงมติไม่เห็นชอบ และย้ำชัดๆ ว่าในวันนี้คำว่าไม่เห็นชอบของเรา ไม่ได้เห็นชอบในแง่ที่ว่าคนใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่ใจความสำคัญต่อจากนี้คือการกอบกู้อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติเป็นตัวแทนของประชาชนให้อำนาจสูงสุดกลับมาเป็นของประชาชน
ชาติไทยพัฒนาย้ำ โหวตทิศทางเดียวกัน
วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ว่า ได้พูดคุยกับสมาชิกทั้ง 10 คนของพรรคแล้ว และจะทบทวนมติ หลังจากนั้นจะอัปเดตสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วง 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาให้กับสมาชิกพรรค ทุกคนในพรรคมีทิศทางการลงคะแนนในทางเดียวกัน โดยวานนี้ที่พรรคร่วมรัฐบาลแถลงเจตจำนง และท่าทีที่มีต่อแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคชาติไทยพัฒนายังคงเดินหน้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
วราวุธกล่าวต่อว่า ขออย่าดูที่วัยวุฒิเป็นตัวตัดสิน เพราะวันนี้เห็นแล้วว่าคนรุ่นใหม่ หรือจะเป็นวัยไหนก็แล้วแต่ ล้วนมีศักยภาพในการทำงานทั้งนั้น และที่สำคัญ การทำงานของนายกรัฐมนตรีไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ จำเป็นต้องมีคณะรัฐมนตรีและคณะที่ปรึกษา อีกทั้งการที่แพทองธารมีบิดาเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดีในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารราชการแผ่นดินหรือเรื่องเศรษฐกิจ และจะเป็นหัวหน้าทีมที่เข้มแข็ง ส่วนตัวไม่มีอะไรอยากจะแนะนำ เพราะเชื่อว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยมีที่ปรึกษาและมีคนให้คำแนะนำเยอะแล้ว เพียงแค่มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันก็รู้สึกดีใจ