วันนี้ (4 มี.ค.) ศาลนัดพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปีเศษ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมอดีตแกนนำและแนวร่วมรวม 21 คน เป็นจำเลยที่ 1-21 กรณีเคลื่อนการชุมนุมจากทำเนียบรัฐบาลไปปิดล้อมรอบอาคารรัฐสภาช่วงวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ไม่ให้รัฐบาล สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ประชุมแถลงนโยบาย
ในความผิด 5 ข้อหา คดีร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวาย ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116, 215, 216, 309 และ 310 โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่จำเลยบางส่วนได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดีคนละ 200,000 บาท โดยวันนี้ศาลเบิกตัวจำเลยที่ถูกคุมขังมาศาล ส่วนจำเลยที่ได้รับการประกันตัวเดินทางมาศาล
ทั้งนี้ ศาลพิจารณาพยานหลักฐานโจทก์-จำเลย นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า ระหว่างการชุมนุม พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และจำเลยที่ 1-21 ได้ประกาศตลอดเวลาห้ามผู้ชุมนุมนำอาวุธและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้ามาในพื้นที่การชุมนุม
ขณะที่พยานโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ราย ซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาสืบสวนหาข่าว ดูแลความปลอดภัยบริเวณชุมนุม ได้เบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยไปในทิศทางเดียวกันว่า ระหว่างการชุมนุมบริเวณสภาตั้งแต่ 5 ตุลาคม จนถึงช่วงเช้า 7 ตุลาคม ไม่พบว่ามีผู้ชุมนุมรายใดเข้าไปในอาคารรัฐสภาและทำลายทรัพย์สิน แต่การชุมนุมนั้นเป็นไปโดยสงบภายใต้เจตนาการคัดค้านการแถลงนโยบายรัฐบาล
ส่วนความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนั้น เกิดภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมอย่างฉับพลัน โดยที่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่คาดหมายและเตรียมตัวได้ทัน ซึ่งเป็นปกติธรรมดาที่เมื่อผู้ชุมนุมอยู่ในสถานการณ์ตรงหน้าที่มีความกดดันและเห็นมีเพื่อนผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ จึงได้วิ่งหลบหนี และบางส่วนก็ตอบโต้ด้วยความโกรธ ซึ่งเป็นกรณีเฉพาะรายบุคคล ไม่ใช่เกิดจากกรณีที่จำเลยได้ปลุกปั่นหรือยุยง การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมดทั้ง 5 ข้อหา
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า