×

เปิดอาณาจักร ‘ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้’ 5 เสาหลักธุรกิจ สู่อสังหาฯ แสนล้าน [ADVERTORIAL]

23.08.2025
  • LOADING...
ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้

หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2558 วันนี้ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เติบโตขึ้นเป็นอาณาจักรอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 300,000 ล้านบาท 

 

จุดเริ่มต้นของการสร้างชื่อเสียงหลังจากจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2558 คือ การเปิดโครงการมากถึง 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 7,332.8 ล้านบาท โดยพัฒนาโครงการตามแนวส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า จากกลยุทธ์ Blue Ocean และด้วยกลยุทธ์ Affordable Price ราคาที่จับต้องได้ ทำให้บริษัทเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้า

 

ภายใต้ความแข็งแกร่งของ ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ คือการจัดวาง 5 เสาหลักธุรกิจ ที่ก้าวข้ามจากการพัฒนาคอนโด สู่พอร์ตที่กระจายครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย บ้านจัดสรรแนวราบ โรงแรม บริการ และคลังสินค้า สร้าง Ecosystem ทางธุรกิจ ลดความเสี่ยงและต่อยอดการเติบโตได้อย่างมั่นคง

 

5 เสาหลักเสริมแกร่งธุรกิจ

 

RIGIN

 

1. กลุ่มพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ภายใต้ ORIGIN VERTICAL 

 

  • คอนโดมิเนียม ดำเนินการภายใต้ ORIGIN VERTICAL 123 โครงการ จำนวน 59,894 ยูนิต มูลค่ารวม 203,626 ล้านบาท

 

2. กลุ่มพัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้ บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI

 

  • บ้านจัดสรร ดำเนินการภายใต้ บมจ.บริทาเนีย 52 โครงการ จำนวน 9,914 ยูนิต มูลค่ารวม  67,503 ล้านบาท

 

ส่งผลให้ในกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) ออริจิ้น มีโครงการ รวมจำนวน 175 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 271,129 ล้านบาท

 

3. กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Hospitality & Tourism) ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท ออริจิ้น โฮเทล จำกัด (มหาชน) ประกอบด้วย

 

  • ธุรกิจโรงแรม 10 โครงการ จำนวน 2,524 Keys มูลค่ารวม 11,730 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2568
  • พื้นที่ค้าปลีก (Retail Space) 5 แห่ง พื้นที่รวม 17,425 ตารางเมตร
  • สำนักงานให้เช่า (Office Space) 1 อาคาร พื้นที่รวม 32,200 ตารางเมตร

 

4. กลุ่มธุรกิจบริการ (Service Business) ภายใต้บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI

 

สร้างรายได้จากการให้บริการอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ครอบคลุม 3 ส่วน ได้แก่ บริการก่อนเข้าอยู่อาศัย (Pre-Living Services), บริการการจัดการเพื่อการอยู่อาศัย (Living Services) และ บริการหลังการขายที่อยู่อาศัย (Living & Earning Services) 

 

ปัจจุบันบริหารงานกว่า 229 โครงการ ครอบคลุม 44,650 ครอบครัว ทั้งในเครือออริจิ้นและผู้ประกอบการอสังหาฯ รายอื่น 

 

5. กลุ่มธุรกิจเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends Business) ลงทุนระยะยาวผ่าน การร่วมทุนกับ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ก่อตั้งบริษัท อัลฟ่า อินดัสเตรียล โซลูชั่นส์ จำกัด (ALPHA) ปัจจุบันมี 7 โลเคชั่นในทำเลยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ ทำเลรังสิต, บางนา กม.22, บางนา กม.19, บางนา กม.23, แหลมฉบัง, พานทอง และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมพื้นที่กว่า 410,744 ตารางเมตร ซึ่ง ณ ไตรมาส 2/2568 มีพื้นที่เปิดดำเนินการแล้วกว่า 311,850 ตารางเมตร อยู่ระหว่างการพัฒนาอีกจำนวน 98,924 ตารางเมตร

 

ปรับกลยุทธ์ ชูโรงแรมเป็น Recurring Income

 

เพื่อให้ธุรกิจมั่นคงมากขึ้นในสภาวะเศรษฐกิจผันผวน ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ เลือกเดินหน้ายกระดับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจโรงแรม (Origin Hotel) ถือเป็นไฮไลต์ที่สร้างผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับบริษัท โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยปี 2564 หรือ 2024 ราว 76% (กรุงเทพ 86%) 

 

ออริจิ้นบุกเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมอย่างเต็มตัว เพื่อวางแผนสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอ โดยโรงแรมภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มออริจิ้น เช่น

 

  • Intercontinental Bangkok Sukhumvit ร่วมมือกับเครือ IHG ซึ่งล่าสุดมี Private Fund สนใจซื้อและสามารถขายหุ้นให้กับ Ci:z Technologies ในเครือ Ci:z Holdings Co., Ltd. ยักษ์ใหญ่ประเทศญี่ปุ่นทำให้บริษัทมีกระแสเงินสดรับสุทธิ (Extra Cash) เพิ่มขึ้นกว่า 800 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้กำไรได้เลยในรอบไตรมาส 3/2568 หลังเปิด Operate ได้เพียง 2 ปี ตามแผนธุรกิจ
  • Staybridge Suites Bangkok Thonglor และ Staybridge Suites Bangkok Sukhumvit พัฒนาร่วมกับ โนมูระ เรียลเอสเตท จาก ญี่ปุ่น  โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ Extended Stay (การพักระยะยาว) ในย่านทองหล่อที่หรูหราและเต็มไปด้วยร้านอาหารและแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน   
  • กลุ่มโรงแรมภายใต้แบรนด์ Ibis  เช่น Ibis Hua Hin, Ibis Phuket Kata และ Ibis Styles Krabi Ao Nang 
  • Holiday Inn & Suites Sriracha-Laem Chabang และ Holiday Inn Express Rayong รองรับการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวจาก EEC
  • Wellness Stay & Hotel Sukhumvit 107 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
  •  

 

นอกจากนี้ ออริจิ้น ยังผนึกกำลังกับพันธมิตรที่ถือเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีโปรเจกต์ร่วมทุน (Joint Venture) กว่า 120 โครงการ คิดเป็นมูลค่า 189,064  ล้านบาท โดยได้ร่วมทุนกับบริษัทในไทยและต่างประเทศ เช่น บริษัท โนมุระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด, บริษัท โตคิว แลนด์ เอเชีย จำกัด, บริษัท โซเท็ตซึ เรียล เอสเตท จำกัด และบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD เป็นต้น เป็นการร่วมทุนในธุรกิจทั้ง คอนโดมิเนียม, บ้านจัดสรร, โรงแรม ไปจนถึงคลังสินค้า 

 

ในปี 2568 อาณาจักรออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้  ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วยการเปิดโครงการใหม่ 11 โครงการ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท โดยในไตรมาส 2 ปี 2568 ที่ผ่านมา มีรายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งสิ้นกว่า 3,610 ล้านบาท กำไร 319 ล้านบาท เพิ่มขึ้นQoQ กว่า 3 เท่า ขณะที่ยอดขายบ้าน-คอนโดฯ สะสม 6 เดือนแรกรวมอยู่ที่ 14,049 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าทั้งปี

 

โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 กลุ่มบริษัทมี Backlog กว่า 43,336 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องในปี 2568 – 2571  ขณะเดียวกันยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้าน ESG และ Green Revolution ด้วยเป้าหมายสู่การเป็นองค์กร Net Zero ภายใน 10 ปี และการรักษามาตรฐาน CG Rating ระดับ 5 ดาว หรือ “ดีเลิศ” (Excellent CG Scoring) อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้เพื่อเสริมรากฐานให้อาณาจักร ออริจิ้น แข็งแกร่ง และก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

 

สามารถติดตามข่าวสาร หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://oriurl.com/yydv42ky โทร 1498

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising