วันนี้ (8 กันยายน) ที่ห้องประชุมวิภาวดีบอลรูม B ชั้น Lobby โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ทรงศักดิ์ ทองศรี และ ชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พบปะผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ
อนุทินกล่าวตอนหนึ่งระหว่างมอบนโยบายว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครปฐม ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ตำบลตาก้อง อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม ที่บ้านกำนันดังนั้น ทุกคนก็เห็นและทราบดีว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรไม่ให้มีระบบเช่นนี้มาทำร้ายชีวิต ทำลายความเป็นอยู่ของประชาชน ลูกน้องผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งถือปืนเข้ามาสังหารประชาชนชาวบ้านหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ สิ่งเหล่านี้ภายใต้ความเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะพ่อเมืองจะปล่อยให้เกิดขึ้นอีกไม่ได้ เราต้องไปดูว่าคนเหล่านี้เข้ามาเป็นกำนัน มาเป็นหัวหน้าผู้นำมวลชนได้อย่างไร หากปล่อยให้มวลชนเดินตามสไตล์คนเหล่านี้แล้วชุมชนและประเทศจะเป็นอย่างไร
“เรื่องเหล่านี้ภายใต้การบริหารงานของพ่อเมืองจะยอมให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศของเราหรือ เราต้องไปดู ไปขึ้นบัญชี ไปดูประวัติและดูพฤติกรรม ใครที่มีพฤติกรรมเยี่ยงนี้จะมาเป็นผู้นำมวลชนไม่ได้ มีที่เดียวที่คนเหล่านี้จะอยู่ได้ซึ่งสมัยก่อนอยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยแต่ตอนนี้อยู่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว เราต้องส่งไปอยู่ตรงนั้น ซึ่งปลายทางเขายินดีที่จะรับคนเหล่านี้ไม่ให้ออกมารบกวนวิถีชีวิตของประชาชนคนไทยที่เรารักสงบและมีแต่ความร่มเย็น”
อนุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วทั้งประเทศถึงข้อสั่งการของกระทรวงมหาดไทยให้ขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพลว่า ไม่ใช่การสั่งการ แต่เป็นสิ่งที่ควรจะต้องคัดกรองคนที่จะมาดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนต้องมีคุณธรรม ไม่ใช่อิทธิพลในการปกครองดูแลชาวบ้าน แต่ถ้าเป็นผู้มีอิทธิพลก็จะเกิดเหตุการณ์เหมือนที่จังหวัดนครปฐม ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดและกระทรวงมหาดไทยต้องช่วยกันคัดกรอง คนแบบนี้อยู่ในสังคมไม่ได้ ประชาชนจะเดือดร้อน บ้านเมืองมีขื่อมีแป ส่วนการถือครองอาวุธปืนต้องเข้มข้นเรื่องใบอนุญาตการมีปืน ห้ามพกพาไปที่สาธารณะ เราก็ต้องเข้าใจ อย่าไปพาลว่าการที่มีใบอนุญาตสามารถพกไปไหนก็ได้ ประเทศเราไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน ต้องมีการสกรีน ตนเองคิดว่าประชาชนคงไม่ต้องการอยู่ภายใต้การนำของอันธพาลเหล่านี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากระทรวงมหาดไทยภายใต้การนำของ อนุทิน ชาญวีรกูล จะไม่มีเรื่องเส้นสายใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ถ้าเราให้ความเป็นธรรมกับทุกคนได้ เส้นสายจะเปลี่ยนไปเป็นผลงาน ใครมีผลงานจะเส้นใหญ่ ใครที่ประชาชนชื่นชอบ อย่างไรก็เข้าตาผู้บริหารและเข้าตารัฐมนตรี เหมือนในยุคสมัยคุณพ่อ (ชวรัตน์ ชาญวีรกูล) เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มันควรจะหมดไปตั้งนานแล้ว พยายามทำให้ไม่มีเรื่องของการแบ่งขั้วแบ่งฝ่าย กระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ประชาชน สีหรือขั้วไม่สามารถช่วยให้ประชาชนคลายทุกข์ได้ ความตั้งใจต่างหากทำให้ประชาชนมีความสุข และขอให้คลายความทุกข์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการกระจายอำนาจ โดยเฉพาะนโยบายการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ อนุทินกล่าวว่า ไม่ได้เป็นนโยบายส่วนของตนที่ให้คำสัญญากับประชาชนไว้ตอนหาเสียง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงภารกิจแรกในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ตามที่ได้กล่าวกับข้าราชการทั่วทั้งประเทศ อนุทินกล่าวว่า ในเรื่องของความภาคภูมิใจที่เรามีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ถือว่าเราจะให้ท่านถูกลบหลู่ดูหมิ่นไม่ได้ ในเรื่องของการศึกษาต้องให้ประชาชนของชาติภาคภูมิใจกับสถาบันหลักของชาติที่อยู่มาอย่างยาวนาน สามารถแก้ปัญหาวิกฤตของประเทศได้ รวมถึงหลักสูตรต่างๆ ที่ถูกถอดออกไป อะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำไมสมัยตนเป็นนักเรียนถึงหวงแหนถึงการที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วถ้าถอดหลักสูตรนี้ไปสภาพจะเป็นอย่างไร คงต้องมีการสังคายนาและสร้างค่านิยมที่ดีเหล่านี้ต่อไป รวมทั้งทำความเข้าใจกับเด็กและประชาชน
