×

7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ตีปี๊บก่อนชำแหละนโยบาย จี้รัฐเร่งหาทางออกวิกฤตชาติ แนะเริ่มจากอยู่ด้วยกันอย่างสันติ

โดย THE STANDARD TEAM
21.07.2019
  • LOADING...
พรรคร่วมฝ่ายค้าน

7 พรรคร่วมฝ่ายค้านจัดเสวนา ‘ทางออกในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติ’ ครั้งที่ 1 มีหัวหน้า 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ กรุงเทพมหานคร

 

พรรคร่วมฝ่ายค้าน

พรรคร่วมฝ่ายค้าน

 

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการรัฐประหารทำให้ประเทศและสังคมเสื่อม ประชาชนแทบไม่มีอันจะกิน ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาคนไทยจะอดทนไม่กล้าปริปากพูด เพราะเศรษฐกิจไม่ขับเคลื่อน ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำเหมือนอย่างที่พูดไว้ มีการใช้กระบวนการของรัฐธรรมนูญให้ตัวเองกลับมาสืบอำนาจต่อ และจากประสบการณ์ที่อยู่ในการเมืองมา 30 ปี ไม่เคยเห็นการตั้งรัฐบาลที่ยุ่งยากแบบครั้งนี้มาก่อน รวมไปถึงเสียงของรัฐบาลในสภาที่มีเสียงปริ่มน้ำ อาจทำให้การทำงานในสภาของรัฐบาลลำบากมากขึ้น

 

ส่วนการอภิปรายในการแถลงนโยบาย ประโยคแรกที่ตนจะพูดถ้าเจอกับพลเอก ประยุทธ์ อาจจะถามถึงคุณสมบัติ แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะรับคำร้องไว้แล้วก็ตาม

 

พรรคร่วมฝ่ายค้าน

 

ขณะที่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ทุกวันนี้มองรัฐบาลด้วยความสิ้นหวัง และรู้สึกสงสารประชาชน เพราะอดทนมา 5 ปี คิดว่าหนังจะเปลี่ยนเรื่องหลังเลือกตั้ง แต่กลับต้องมาทนดูเรื่องเดิมต่อ

 

ส่วนวิกฤตของชาติที่เกิดขึ้นครั้งนี้มันใหญ่มาก โดยเฉพาะปัญหาภัยแล้งที่คุกคามหลายพื้นที่ในตอนนี้ แต่ถ้ามองอย่างลึกไปถึงแกน ภัยที่ร้ายแรงกว่าความแห้งแล้ง คือภัยที่รัฐบาลสร้างให้กับประเทศ

 

และหากจะให้เสนอทางออกของการแก้วิกฤตของชาตินั้น ต้องเริ่มจากรัฐบาล แต่ตอนนี้ก็ยังมองไม่เห็นว่าคนที่จะมาเปิดประตูทางออกคนนั้นเป็นใคร แม้นโยบายที่เขียนขึ้นมาจะมีความสำคัญ แต่ตัวคนที่จะมากำกับนโยบายนั้นสำคัญกว่า และหากยังเป็นพลเอก ประยุทธ์ก็ไม่มีทางที่จะแก้ปัญหาวิกฤตของชาติได้ ทั้งถ้าจะให้ตนประเมินรัฐบาลตอนนี้ เห็นว่ายังไม่มีใครสอบผ่านสักคน เพราะวิกฤตชาติจะแก้ได้ต้องมาจากความศรัทธา และความเชื่อถือของประชาชนที่มีให้รัฐบาล โดยเฉพาะตัวพลเอก ประยุทธ์ ที่ไม่มีแม้แต่ความศรัทธา และความน่าเชื่อถือจากคนในชาติ และนักลงทุนต่างชาติ  

 

หัวหน้าพรรคประชาชาติยังกล่าวถึงความน่าเชื่อถือของอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าคนที่จะต้องมาดูแลการเงินการคลังของประเทศ ต้องเป็นคนที่ประชาชนไว้วางใจ มีความสุจริต และเป็นที่ประจักษ์ แต่จากพฤติกรรมและการกระทำที่ผ่านมา ทำให้อุตตมหมดความน่าเชื่อถือ เพราะเป็นคนที่เอาตัวรอดทางกฎหมายด้วยอำนาจพิเศษ และในฐานะที่เป็นคนในพื้นที่ชายแดนใต้ ยังไม่เชื่อว่าปัญหาความไม่สงบจะเกิดขึ้น 

 

ขณะเดียวกัน นอกจากความสงบจะไม่เกิดแล้ว ปัญหาปากท้องจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น เพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ พร้อมเปรียบ “โจรวิ่งราวไม่น่ากลัวเท่าโจรวิ่งราวโครงการรัฐ และอำนาจจากประชาชน”

 

ขณะที่ สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่มีปัญหามากที่สุด เพราะทุกข้อที่เขียนมาล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศหมด และเห็นว่าผู้มีอำนาจยังเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุน ทำให้เกิดการผูกขาดการลงทุน ส่งผลต่อเศรษฐกิจที่มีคนผูกขาดแค่กลุ่มเดียว 

 

ส่วนนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่พรรคพลังประชารัฐได้เคยสัญญาไว้ตอนหาเสียง และจะไม่ทำตามเพราะบอกว่าไม่ไช่เรื่องเร่งด่วนนั้น เห็นว่าหากวันนี้สถานะการเงินของประเทศไม่ดี วิธีเดียวที่จะหาเงินเข้าคลังได้คือต้องขึ้นภาษี

 

ขณะเดียวกันยังเห็นว่าตอนนี้ประเทศชาติ มีหนี้สินมากกว่าหนี้ในปี 2540 จึงเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะหาเงินเข้าคลัง

 

พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคร่วมฝ่ายค้าน

 

ด้านธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า แม้ในวันที่ 25 ก.ค. ตนไม่ได้มีโอกาสเข้าไปพูดอภิปรายในรัฐสภา แต่เชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านจะนำเอาทุกข้อสงสัยไปพูดแทน พร้อมกล่าวว่าตลอด 5 ปี วิกฤตที่ทำให้ตนเองเศร้าใจมากที่สุด คือเรากำลังจะส่งสังคมที่แย่ที่สุดให้กับลูกหลานได้รับมรดกที่แย่ 

 

ธนาธรกล่าวว่าหลังการเลือกตั้ง พลเอก ประยุทธ์ได้ใช้ ม.44 ออกนโยบายเอื้อกลุ่มทุนคมนาคม ด้วยการลดดอกเบี้ยต่ำลง ทั้งนี้หากมองย้อนกลับกัน ถ้าชาวนาไม่มีเงินจ่ายเงินกู้ให้กับธนาคาร ชาวนาเหล่านั้นจะมีโอกาสขอขยายจ่ายดอกเบี้ยแบบที่กลุ่มทุนได้รับหรือไม่

 

ธนาธรยังกล่าวต่อด้วยว่า สังคมและประเทศชาติจะพัฒนาไม่ได้ถ้าประชาธิปไตยไม่เปิดรับความเห็นที่แตกต่าง และหากถามตนเองว่าจะออกจากวิกฤตชาติครั้งนี้อย่างไรนั้น คือเริ่มจากระบบการเมืองที่คนจะอยู่ด้วยกันอย่างสันติ ถือเป็นภารกิจของคนรุ่นปัจจุบัน ที่จะส่งต่อให้คนรุ่นต่อไปได้   

 

ธนาธร กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีเสวนา ว่าถ้าหากมีการปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้ง สถานที่ที่จะนัดไปรวมตัวกันจะไม่ใช่สนามหลวง ไม่ใช่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และทุกคนจะไปรวมตัวกันที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อไปยืนยันว่าอำนาจยังอยู่ที่สภาฯ เพราะผู้แทนราษฎรคือบุคคลที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน และเป็นอาชีพเดียวที่ประชาชนตั้งขึ้น และเพื่อไปแสดงให้เห็นว่ารัฏฐาธิปัตย์ยังอยู่กับสภาฯ  

 

พร้อมยืนยันถ้าพรรคฝ่ายค้านยังอยู่ตรงนี้ จะอยู่ร่วมต่อสู้กับประชาชน ทั้งนี้สิ่งที่ตนเองพูดวันนี้จะไม่เกิดขึ้น และได้แต่หวังว่ากลุ่มอนุรักษ์นิยมจะมีสายตาที่ยาวพอ ว่าจะไม่เอาการปฏิวัติรัฐประหาร

 

นอกจากนี้ ยังเห็นว่าภารกิจที่สำคัญนอกจากการปฏิรูปประชาธิปไตยแล้ว จะต้องมีการปฏิรูปกองทัพไปด้วย

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising