วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร (กทม.) และโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ เกศปรียา แก้วแสนเมือง ตัวแทนจากพรรคเพื่อชาติ แถลงข่าวภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้าน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านได้ร่วมกันพิจารณาอยู่ 2 ประเด็นหลัก คือ
- กรอบการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า ถึงแม้จะไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบไม่ลงมติ แต่ข้อมูลและประเด็นที่ฝ่ายค้านจะนำเสนอในการอภิปรายทั้ง 4 ประเด็นหลักนั้นเป็นข้อมูลเสมือนการซักฟอกรัฐบาลท่ามกลางสภาวะที่รัฐบาลมีความล้มเหลว ไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างสิ้นเชิงทุกมิติ
- เรื่องทิศทางการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งจากปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้น มติของพรรคร่วมฝ่ายค้านมีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนร่วมกันท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ไม่ปกติและไร้เสถียรภาพ
โดยเฉพาะการแบ่งกลุ่มภายในพรรคร่วมรัฐบาลและการแยกตัวจากกลุ่ม ส.ส. ประกอบกับการทำหน้าที่ของ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่เคยมาเป็นองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งมาตลอด ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ที่ขัดต่อหลักประชาธิปไตยขั้นพื้นฐาน
ดังนั้นจึงขอประกาศเจตนารมณ์ว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเดินหน้าตรวจสอบการทำหน้าที่ของรัฐบาลอย่างเข้มข้น โดยการขอตรวจสอบองค์ประชุมทุกสัปดาห์ ซึ่งจะเสนอเป็นญัตติขอตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการเสียบบัตร แต่หากพบว่ามีการเสียบบัตรแทนกัน จะเสนอให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ
หากสภาล่มทุกสัปดาห์ รัฐบาลก็ไม่ควรอยู่ต่อไป นายกรัฐมนตรีควรรับไว้เป็นข้อพิจารณาว่าจะทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่ ซึ่งการไม่เข้าร่วมเป็นองค์ประชุมคือหนึ่งในหน้าที่การทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน แต่กลับถูกกล่าวหาว่าไม่ทำงาน ไม่ทำหน้าที่ และไม่คุ้มกับเงินเดือน ที่ฝ่าย ส.ส. รัฐบาลพยายามสร้างข่าวมาโดยตลอด
ด้านจุลพันธ์กล่าวถึงกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านระหว่างวันที่ 17 และ 18 กุมภาพันธ์นี้ว่า การอภิปรายจะเริ่มจากกลุ่มหัวหน้าพรรคการเมือง โดยมี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเป็นผู้อภิปรายเป็นคนแรก ต่อด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ, ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และ นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย
เนื้อหาในการอภิปรายจะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
1. กลุ่มเศรษฐกิจและปากท้อง
- ปัญหาโรคระบาดต่างๆ
- ปัญหาการเมือง การทุจริตคอร์รัปชัน
- เรื่องอื่นๆ จะมี สุทิน คลังแสง ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม ในฐานะประธานให้ฝ่ายค้านเป็นผู้อภิปรายสรุปปิดท้าย
