อยากได้กำไร แต่ก็อยากรักษ์โลก อยากได้พื้นที่ใช้สอย แต่ก็อยากได้พื้นที่สีเขียว
ในโลกธุรกิจและการสร้างสรรค์ เรามักเจอกับข้อจำกัดหรือความขัดแย้งที่ดูเหมือนเป็นทางตัน แต่ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิดจากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นจะทำยังไงให้ได้ทั้งหมดล่ะ?
นี่คือสิ่งที่ Bjarke Ingels (บียาร์เก อินเกลส์) สถาปนิกชาวเดนมาร์ก และผู้ก่อตั้ง BIG (Bjarke Ingels Group) ซึ่งเป็นบริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมและนวัตกรรมชั้นนำของโลกทำมาตลอด เขาเชื่อว่าสถาปัตยกรรมไม่ใช่แค่การสร้างสิ่งที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน แต่คือ ‘การให้รูปทรงแก่อนาคต’ และเป็นเครื่องมือสร้างทางออกใหม่ๆ ให้มนุษย์และธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน
🟡 ‘Yes is More’ เปลี่ยนทุกความขัดแย้งให้เป็น ‘คำตอบ’
ในโลกของสถาปัตยกรรมยุคโมเดิร์น เรามักคุ้นเคยกับคำว่า ‘Less is More’ (น้อยแต่มาก) ที่เน้นความเรียบง่าย แต่ Bjarke มองต่างออกไป เขาใช้ปรัชญา ‘Yes is More’ เป็นหัวใจในการทำงาน
นี่ไม่ใช่แค่การพูดว่า “ใช่” กับทุกอย่าง แต่คือการเปิดรับความท้าทายและความขัดแย้งที่ดูเหมือนเข้ากันไม่ได้ แล้วหาวิธีทำให้มันเกิดขึ้นจริง
🔸CopenHill คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด เมืองโคเปนเฮเกนจำเป็นต้องมีโรงไฟฟ้าจากพลังงานขยะเพื่อจัดการขยะมหาศาลปีละ 4 แสนตัน และเปลี่ยนให้เป็นพลังงานสะอาดสำหรับบ้านเรือนหลายแสนหลัง ซึ่งปกติเป็นสิ่งที่คนไม่อยากเข้าใกล้
แทนที่จะซ่อนมันไว้ BIG กลับตอบ “Yes” ด้วยการออกแบบหลังคาลาดเอียงให้กลายเป็นลานสกี, ลู่วิ่ง, สวนสาธารณะ และหน้าผาจำลองที่สูงที่สุดในโลก ผลลัพธ์คือการเปลี่ยนโรงงานอุตสาหกรรมให้กลายเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับชุมชน
🟡 แนวคิด Hedonistic Sustainability: เมื่อความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องเสียสละ
อีกหนึ่งแนวคิดสำคัญที่ทำให้เขาแตกต่างคือ Hedonistic Sustainability หรือ ‘ความยั่งยืนที่เต็มไปด้วยความสุข’
โดยปกติ เมื่อพูดถึงความยั่งยืน เรามักนึกถึงการเสียสละ เช่น ต้องประหยัดมากขึ้น หรือต้องอยู่แบบไม่สบายเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม แต่ Bjarke กลับมองว่า ‘ความยั่งยืนที่แท้จริงควรทำให้ชีวิตดีขึ้น สนุกขึ้น และน่าอยู่ขึ้น’ สิ่งที่ยั่งยืนควรเป็นสิ่งที่น่าอยู่และสนุก ไม่ใช่แค่รักษ์โลก แต่ต้องทำให้ชีวิตคนดีขึ้นด้วย
🔸The Dryline (Big U) ในแมนฮัตตัน หลังเผชิญพายุเฮอริเคนแซนดี้ แทนที่จะสร้างแค่กำแพงกันน้ำธรรมดาๆ แต่ BIG ออกแบบแนวป้องกันน้ำท่วมความยาวกว่า 10 ไมล์ ให้กลายเป็นสวนสาธารณะ พื้นที่เดินเล่น,สนามกีฬา และศูนย์ชุมชนไปพร้อมกัน
🟡 เบื้องหลังความ ‘BIG’ วัฒนธรรมองค์กรที่สร้างนวัตกรรม
ผลงานที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ไม่ได้มาจากคนเดียว แต่มาจากวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งของ BIG ซึ่งมีสำนักงานอยู่ทั่วโลก
🔸 BIG ไม่ได้เริ่มจากไอเดียเดียวแล้วพัฒนาต่อ ลองนึกภาพการทำ Design Sprint ที่ทีมจะระดมสมองและสร้างตัวเลือกจำนวนมหาศาลในช่วงแรก อาจสูงถึง 100 แบบ นี่ไม่ใช่การเสียเวลา แต่เป็นการ ‘สำรวจทุกความเป็นไปได้’ เพื่อให้แน่ใจว่าแบบที่เลือกเป็น ‘แบบที่ดีที่สุด’ จริงๆ
🔸BIG พวกเขาชอบให้คนมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นจนจบ สถาปนิกที่ออกแบบจะได้เรียนรู้ว่าไอเดียของเขาส่งผลต่อการก่อสร้างจริงอย่างไร เปรียบเหมือนเชฟที่ไม่เพียงแต่ออกแบบสูตรอาหาร แต่ยังต้องลงไปคุมหน้าเตาและจัดจานด้วยตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์สุดท้ายตรงกับวิสัยทัศน์ที่วางไว้
🔸 ออกแบบเพื่อให้ผู้คนได้ใช้ ไม่ใช่เพื่อสถาปนิกด้วยกัน ด้วยรากฐานแบบเดนมาร์กที่ให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าของร่วม (Collective Ownership) BIG จึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า พวกเขาไม่ได้ออกแบบตึกสวยๆ ให้สถาปนิกด้วยกันดู แต่พวกเขาออกแบบเพื่อชาวเมือง
เรื่องราวของ Bjarke Ingels และ BIG ชี้ให้เห็นว่าสถาปัตยกรรมไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงสิ่งปลูกสร้าง แต่คือเครื่องมือในการสร้างอนาคต และความยั่งยืนไม่จำเป็นต้องน่าเบื่อหรือเป็นภาระ แต่สามารถเป็นสิ่งที่ทำให้ชีวิตสนุกขึ้นและน่าอยู่ขึ้นได้จริง
เราสามารถออกแบบอนาคตได้จริง เพียงแค่กล้าที่จะพูดว่า “Yes” กับปัญหาที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ และหาวิธีสร้างสรรค์ทางออกที่ยั่งยืนและทำให้ผู้คนมีความสุขไปพร้อมกัน


 
         
           
                                 
             
                                                     
                                         
                                             
                                                 
                                                     
                                                         
                 
                 
                 
                 
                 
                