“เลื่อนรถให้หน่อยนะคะ เขยิบรถให้หน่อยนะคะ ไม่ใช่คันหน้า แต่เป็นคันนี้…ฮิฮิ” อยู่ดีๆ เพลงนี้ก็ดังขึ้นมาในหัวหลังจากดูซีรีส์ A Virtuous Business ซีรีส์เรื่องใหม่ทาง Netflix เรื่องราวของผู้หญิงที่ก้าวข้ามบรรทัดฐานทางสังคม เมื่อเริ่มขายของเล่นผู้ใหญ่ในเมืองชนบท ผลงานการรีเมกมินิซีรีส์อังกฤษเรื่อง Brief Encounters ในปี 2016 โดยในเวอร์ชันเกาหลีเน้นที่ความคอเมดี้ ดูสบาย สนุกสนาน ทั้งที่เนื้อหาหลักคือการสำรวจเรื่องเพศ ความสุข และสิทธิสตรี ในสังคมชายเป็นใหญ่เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงจะบอกให้ใคร ‘เลื่อนรถให้’ หรือเล่นสนุกกับตัวเอง
A Virtuous Business เกิดขึ้นในปี 1992 ในยุคอนุรักษนิยมทางเพศสุดโต่ง เรื่องราวของผู้หญิง 4 คนที่หันมาสร้างธุรกิจของตัวเองด้วยการขายของตามบ้าน แต่ของสิ่งนั้นกลับเป็นของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ นำทีมโดย จองซุก (คิมโซยอน) อดีตธิดาพริกประจำตำบล แม้จะมีรูปเป็นทรัพย์ แต่ก็อาภัพรัก เธอแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เอาไหน และต้องทำงานพิเศษหาเลี้ยงครอบครัว วันหนึ่งจองซุกสะดุดตากับโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ นำพาให้เธอเข้าสู่วงการขายตรงของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ ตอนแรกเธอก็ลังเล จนได้เจอกับ ยองบก (คิมซอนยอง) คุณแม่ลูกสี่ผู้มองโลกในแง่ดี สนับสนุนให้จองซุกก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง
จองซุกไม่มีสถานที่พรีเซนต์การขาย จึงขอยืมบ้านของ กึมฮี (คิมซองรยอง) สาวผู้ดีมีการศึกษาสูง ที่ย้ายมาใช้ชีวิตน่าเบื่อกับสามีเภสัชกร งานขายครั้งนี้จึงทำให้ชีวิตเธอมีสีสันขึ้นอีกครั้ง ตามมาด้วย จูรี (อีเซฮี) แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดเปรี้ยวที่เปิดร้านทำผมเล็กๆ ในเมือง
ธุรกิจที่เต็มไปด้วยความหวังกลับเลวร้าย เมื่อทั้งผู้หญิงและผู้ชายในชุมชนออกมาต่อต้าน แถมจองซุกยังโดนปองร้าย ทั้งถูกแจ้งจับว่าแอบเปิดซ่อง และมีคนแอบพ่นคำว่า Sex ที่หน้าบ้าน ส่วนชีวิตส่วนตัวสามีตัวดีก็ดันแอบไปเล่นชู้กับเพื่อนสนิท เหตุการณ์ต่างๆ ทำให้จองซุกได้พบกับ โดฮยอน (ยอนอูจิน) นายตำรวจที่เพิ่งย้ายจากสหรัฐอเมริกาเข้ามาอยู่ในเมืองเล็กๆ ในชนบทซึ่งภารกิจลับบางอย่างที่รอการเฉลย ทั้งคู่ค่อยๆ สานสัมพันธ์กัน พร้อมกับการสร้างธุรกิจเสียวๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติคนทั้งเมืองไปตลอดกาล
A Virtuous Business เป็นซีรีส์ที่รวมเอาแนวคิดเพื่อนหญิงพลังหญิง เล่าผ่านบรรยากาศย้อนยุคในชนบทที่ยังเต็มไปด้วยกฎเรื่องเพศ เผยให้การเปลี่ยนแปลงมากมายในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เรื่องราวของผู้หญิงทั้ง 4 คน ทำให้แอบคิดถึงซีรีส์ Sex and the City แต่เป็นเวอร์ชันที่ Sex and the Countryside คุยเรื่องเพศแบบเหนียมอาย โดยแต่ละคนเป็นตัวแทนผู้หญิงในแบบฉบับที่แตกต่างกัน
อย่างตัวละครจองซุกคือผู้หญิงที่รับเคราะห์จากกรอบที่สังคมวางไว้ให้ จนมองข้ามศักยภาพของตัวเอง หลายฉากหลายตอนในเรื่องเธอพยายามทำตัวเป็นเมียและแม่ที่ดี ทั้งที่ตัวเองมีความสามารถทำอย่างอื่นได้หลายอย่าง แต่เมื่อออกไปทำงานก็ถูกสามีตำหนิ จนกระทั่งจับได้ว่าเขาไปมีคนอื่น ก็เหมือนการปลดล็อกให้ตัวเอง คล้ายกับกึมฮี ผู้มีชีวิตแบบแม่บ้านคือสุขสบายทุกอย่าง ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีความสุขเพราะเมืองในชนบทค่อยๆ กลืนกินตัวตนที่เคยรุ่งโรจน์ของเธอไปเรื่อยๆ ยองบกดูเหมือนโชคดีที่สามีรักและหลง แต่ก็ขาดความเป็นผู้นำ ทำให้เธอต้องทำงานทั้งนอกและในบ้าน ส่วนจูรีคือสาวหัวสมัยใหม่ที่เหมือนอยู่ผิดที่ผิดทาง
ความสนุกของ A Virtuous Business คือการนำแนวคิดล้ำสมัยเข้ามาใส่ในบริบทใสซื่อของชุมชน สอดแทรกมุกสัปดนแบบน่ารักๆ จนหลายๆ ฉากถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา อย่างเช่นในฉากกลุ่มแม่บ้านหยิบกางเกงในไข่มุกมาคล้องคอเพราะคิดว่าเป็นสร้อย หรือคิดว่าไวเบรเตอร์เป็นสากตำกระเทียมทั้งที่ใช้ตำอย่างอื่น รวมทั้งบรรยากาศกล้อง CCTV ประจำชุมชน อันหมายถึงสายตาของเหล่าป้าข้างบ้านที่คอยเป็นผู้คุมกฎของหมู่บ้าน
A Virtuous Business ยังเหมือนประวัติศาสตร์ฉบับย่อของของเล่นผู้ใหญ่ในเกาหลีใต้ โดยมีอเมริกาเป็นต้นแบบทั้งในแง่เสรีทางเพศและสิทธิสตรี ซึ่งผู้หญิงในเรื่องพยายามจะตามให้ทัน ขณะที่ผู้ชายต้องการให้พวกเธออยู่ในสถานะของตนเอง ยกเว้นก็แต่คนนอกอย่างนักสืบโดฮยอนที่เติบโตในอเมริกา เป็นตัวแทนของผู้ชายคนเดียวที่ยอมรับความเท่าเทียมทางเพศ
อย่างไรก็ตาม ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องเพศเพื่อความตลกเพียงอย่างเดียว แต่ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกในยุคนั้นออกมาได้อย่างสมจริง ด้วยการเจาะลึกถึงวิธีที่ผู้หญิงค้นพบความหวัง ความมีชีวิตชีวา และสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย ผ่านการได้ลองผิดลองถูกในเรื่องเพศและธุรกิจ รวมทั้งสอนให้ซื่อสัตย์กับความต้องการของตัวเอง ซึ่งต่อมาจะมีผลกับสังคมที่พวกเธออาศัยอยู่อีกด้วย
ทางด้านการแสดงในเรื่องต้องขอปรบมือดังๆ ให้กับคิมโซยอนที่สวมวิญญาณสาวเรียบร้อยอย่างจองซุกได้อย่างหมดจด จนต้องย้อนไปดูว่านี่คือคนเดียวกับนางร้ายตาถล่น ชอนซอจิน จากเรื่อง The Penthouse จริงๆ หรือเปล่า ส่วนคุณคิมซอนยองในบทยองบกก็ยังตลก ไม่ทำให้เราผิดหวัง รวมทั้งเหล่าอาจุมม่าอเวนเจอร์ที่มาช่วยสร้างสีสันให้เรื่องนี้สนุกขึ้นไปอีก
A Virtuous Business ไม่เพียงแต่จะสะท้อนภาพเรื่องเพศเมื่อ 3 ทศวรรษก่อน แต่ก็สะท้อนความเสมอภาคทางเพศในยุคปัจจุบันด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหน และยังมีจุดไหนที่ยังไม่พัฒนาเลย ด้วยบรรยากาศเปิ่นเชย แต่กลับสนุกสนานจนน่าติดตามไปเรื่อยๆ