×

52 ปี 14 ตุลา

10.10.2025
  • LOADING...
52 ปี 14 ตุลา

52 ปี 14 ตุลา 1

 

ผู้ผลิต และผู้ค้าอัญมณีระดับต้นของโลก ชื่อ ‘ปรีดา เตียสุวรรณ์’ คหบดีผู้เป็นปิยะมิตรของคนจนและผู้รักความเป็นธรรม พูดกับใครต่อใครมาแล้วว่า

 

“ก่อนหน้านั้น อำนาจรัฐและทุนใหญ่ครอบงำเหนือธุรกิจขนาดกลาง มายาวนาน ทั้งโดยเปิดเผยและซ่อนรูป ถ้าไม่มีเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ธุรกิจแพรนด้า จิวเวลรี่ของผมไม่มีทางเติบโตขึ้นมาได้ถึงวันนี้”

 

ดุจเดียวกับนายห้างเจ้าของสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดคนหนึ่งพูดกับ อาจารย์ธีรยุทธ บุญมี ว่า “14 ตุลา 16 ทำให้ธุรกิจสรรพสินค้าของผมปลดล็อก เป็นอิสระ ขยายตัวได้อย่างเต็มที่ เพราะพ้นจากพันธนาการของภาครัฐ”

 

นี่เป็นเพียงมิติเดียวของภาคธุรกิจ ที่สะท้อนถึงผลพวงของเหตุการณ์ 14 ตุลา 16

 

ไดอารี่ฉบับพกพาปี 2566 ของมูลนิธิเด็ก มีข้อเขียนของ สันติสุ โสภณศิริ บันทึกไว้ว่า

 

“แม้ไม่สามารถทำลายระบอบเผด็จการได้ นอกจากขับไล่ 3 ทรราชออกไป แต่ก็สามารถสร้างรุ่งอรุณแห่งหลักการสิทธิเสรีภาพให้ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับที่ 10 อย่างเต็มภาคภูมิ นั่นคือ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 หมวด 3 สิทธิเสรีภาพของชนชาวไทย มาตรา 27-53 ซึ่งแทบจะถอดมาจากหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน อันเป็นต้นแบบของรัฐธรรมนูญที่เป็oประชาธิปไตยฉบับต่อๆ มา และสิ่งที่ได้มาจากหลักสิทธิเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2517 ก็คือ การปลดปล่อยประชาชนออกจากความสัมพันธ์ทางสังคมแบบอภิสิทธิ์ชนส่วนน้อยกับชนผู้ไร้สิทธิส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นรากเหง้าของความเหลื่อมล้ำ ก่อให้เกิดคลื่นความขัดแย้งทางสังคมการเมืองและเศรษฐกิจระลอกแล้วระลอกเล่าไม่จบสิ้น มีแต่สัมพันธภาพใหม่ ที่สมาชิกในสังคมทุกคนเป็นเสรีชน ภายใต้หลักสิทธิเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ ตามเจตนารมณ์ประชาธิปไตยของวีรชน 14 ตุลา เท่านั้น จึงจะสามารถสร้างภราดรภาพในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง ​ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้ให้ความสำคัญกับเหตุการณ์เดือนตุลา 16 ถึงขั้นเป็น ‘การปฏิวัติตุลาคม 2516’ แต่มิได้เป็นการปฏิวัติ ในความหมายโดยทั่วไปที่เป็นเรื่องของการยึดอำนาจการปกครองหรือเปลี่ยนแปลงการปกครอง ตรงกันข้าม ‘การปฏิวัติตุลาคม 2516’ เป็นขบวนการประชาธิปไตยของมหาชนที่มิได้เรียกร้องต้องการอะไรมากไปกว่าการได้มาซึ่งประชาธิปไตยของประชาชน อย่างสันติวิธี มิใช่ประชาธิปไตยของเผด็จการดังที่กำลังเป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการของทหารหรือ เผด็จการของกลุ่มธุรกิจการเมืองก็ตาม ​นี่คือ จิตวิญญาณของขบวนการปฏิวัติตุลาคม 2516”

 

52 ปี 14 ตุลา 2

 

​จะประเมินค่า 14 ตุลา 16 อย่างไร คงยังเป็นประเด็นถกเถียงกันต่อไปไม่รู้จบ อันที่จริงก็ไม่ควรมีจุดจบในการประเมินคุณค่า เพราะเป็นเรื่องต่างมุมมอง ไม่มีใครจะห้ามความคิดคนอื่นได้ ทุกคนล้วนสวมแว่นสีด้วยกันทั้งนั้น จะกล่าวโทษกันไปกันมาก็ไร้ประโยชน์ และไม่ว่าใครก็ไม่ควรเป็นผู้พิพากษาประวัติศาสตร์

 

​บางคนว่าเหตุการณ์นั้น เพียงทำให้ผู้มีอำนาจ 3 คน ต้องบินหนีออกนอกประเทศ บางคนว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โครงสร้างทุกอย่างยังคงเดิม บางคนชี้ว่า เห็นไหมเอาเข้าจริง ก็ไม่สามารถเผด็จอำนาจทหารได้จริง เพราะทหารยังทำรัฐประหารตามมาอีกหลายครั้ง ในรอบ 52 ปีมานี้

 

​คำถามคือ ใช่หรือไม่ว่า 14 ตุลา 16 ได้ทำให้การเมืองที่เคยผูกขาดอยู่กับชนชั้นนำไม่เกิน 3,000 คน กลายมาเป็นการเมืองของภาคประชาชน อย่างมีนัยสำคัญ

 

​การเมืองเดิมแบบทุบโต๊ะจากบนลงล่าง โดยไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมใช้ไม่ได้อีกต่อไป

 

​แม้การเมืองภาคตัวแทน (Representative Democracy) ที่ถือเอาการเลือกตั้ง 4 ปีครั้งเป็นสรณะแต่เพียงอย่างเดียว ก็ไม่สามารถเดินหน้าไปด้วยดีได้ เพราะประชาธิปไตยทางตรง (Direct Democracy) ได้ช่วงชิงพื้นที่สาธารณะขึ้นมามหาศาลอย่างไม่อาจถอยหลังกลับไปได้อีกแล้ว

 

​จริงอยู่มีการรัฐประหารเกิดขึ้นหลายหน แต่ใช่ว่าผู้มีอำนาจจากรัฐประหารนั้น จะสามารถใช้อำนาจเบ็ดเสร็จได้ดังแต่ก่อน รัฐประหาร รสช. เมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2534 จึงต้องอาศัยใบบุญของ อานันท์ ปันยารชุน ที่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย และเป็นตัวของตัวเอง มาเป็นนายกรัฐมนตรี

 

​รัฐประหารของ คสช. เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 แม้จะได้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องปรับตัวแปลงตน และต้อนรับทิศทางประชาธิปไตยที่เคารพในสิทธิเสียงและพื้นที่สาธารณะของประชาชน ดังที่รัฐธรรมนูญทุกฉบับ นับตั้งแต่ฉบับ 2517 จนถึง ฉบับ 2560 ได้รับรองสิทธิเสรีภาพไว้

 

52 ปี 14 ตุลา 3

 

​ก็ดุจดังวาทะของ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ให้ข้อคิดไว้ว่า ​“ประเทศไทยเรานี้ อย่าว่าแต่ประชาธิปไตยเลยที่ล้มลุกคลุกคลาน เพราะว่าในความเป็นจริง เผด็จการก็ล้มลุกคลุกคลานเหมือนกัน”

 

​ด้วยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ทุกฉบับ นับแต่ฉบับ 2517 เป็นต้นมา ทำให้คนไทยทุกระดับมีศักดิ์ศรีขึ้นมาเสมอหน้า คนมียศถาบรรดาศักดิ์ และชนชั้นนำได้

 

​ใครเลยจะคาดคิดว่า คนอย่าง แม่สมปอง เวียงจันทร์ ผู้นำชาวบ้านกรณีเขื่อนปากมูล สามารถนั่งบนโต๊ะเจรจาในระนาบเดียวกันกับนายกรัฐมนตรี ณ ทำเนียบรัฐบาล

 

52 ปี 14 ตุลา 4

 

​ทำไมเขื่อนแม่วงก์ เขื่อนแก่งเสือเต้น ที่รัฐบาลหมายจะสร้าง จึงสร้างไม่ได้ ทำไมนิคมอุตสาหกรรมจะนะ จึงถูกรัฐบาลสั่งชะลอโครงการไว้ก่อนจนกว่าจะทำประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเชิงยุทธศาสตร์ (SEA) แม้แต่โครงการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี และโครงการแลนด์บริดจ์ที่มีมูลค่าหลายแสนล้านบาท ก็ยากจะดำเนินไปได้ ในขณะที่ประชาชนในพื้นถิ่นผู้เป็นเจ้าของชุมชนไม่อาจยอมให้กับโครงการดังกล่าว

 

นี่คืออำนาจของประชาชนที่สามารถสร้างพื้นที่ต่อรองทางการเมืองขึ้นมาได้ ในนโยบายสาธารณะ ซึ่งรัฐธรรมนูญรับรองเรื่องสิทธิชุมชนไว้ แม้แต่บริการสาธารณสุขของไทย ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ยอมรับและยกย่องให้เป็นแบบอย่างในระดับสากล ที่ประชาชนทั่วประเทศไม่เลือกชั้นวรรณะ สามารถเข้าถึงและรับบริการได้ ก็มาจาก พ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ อันเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญ ปี 2517 เป็นต้นมา ที่บัญญัติให้การบริการรักษาสุขภาพประชาชนอย่างทั่วถึงเป็นหน้าที่ของรัฐ

 

​14 ตุลา 16 ​จึงเปลี่ยนการเมืองของชนชั้นนำให้กลายเป็น การเมืองของภาคประชาชน

 

​จึงทำให้ ชนชั้นผู้ยากไร้ ไม่ว่ากรรมกร ชาวนา สามารถเข้าถึงโอกาสแห่งการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ โดยผ่านกฎหมายต่างๆ ที่สืบเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญบัญญัติ และสามารถรวมกลุ่มกันสร้างอำนาจต่อรองทางการเมืองได้

 

​ทำให้ระบบเจ้าขุนมูลนาย คลายตัวลง ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์มีพื้นที่และมีพื้นทางของตนเอง

 

​อย่างไรก็ตาม ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม และการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอย่างเสมอภาค ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่ท้าทายรัฐบาลและทุกภาคส่วน ของสังคมไทยต่อไป

 

​ใครจะประเมินคุณค่าของ14 ตุลา 16 อย่างไร ย่อมเป็นสิทธิ แต่สิ่งที่เรียกว่า ‘เสรีภาพ’ นั้นเป็นเนื้อนาบุญอันเกิดขึ้นจากการต่อสู้ 14 ตุลา 16 ที่ก่อเกิดพลังสร้างสรรค์มากมาย และขยายผลได้มหาศาลดุจดังวาทะธรรม ของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ปยุตตโต)

 

​​​เสรีภาพพื้นฐาน ​​มีคำแสดงลักษณะของคนมีเสรีภาพว่า ‘​เสรี สยํวสี…..’ คือ เป็นคนเสรี มีอำนาจเป็นของตนเอง

 

​​เมื่อร่างกายไม่ถูกผูกมัด ไม่เจ็บไข้หมดเรี่ยวแรงกายนั้น ก็เคลื่อนไหว ทำอะไรๆ ไปที่ไหนๆ ได้ ตามที่ใจต้องการโดยไม่ต้องมีใครมาอุ้มมาจูงออกไป

 

​​เมื่อจิตใจเป็นอิสระ ไม่ถูกโมหะ คือความโง่เขลา
หลงใหลปิดกั้น ไม่ถูกความเห็นแก่ตัว ที่ไม่เห็นธรรม ผูกรัดไว้ คนก็จะทำอะไรๆ ที่ปัญญารู้เข้าใจบอกให้ว่าเป็นจริง ดีงาม ถูกต้อง เป็นคุณ เป็นประโยชน์ ได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องมีใครมาบังคับควบคุม

 

มีเสรีภาพพื้นฐาน เป็นแกนยืนยันไว้ เสรีภาพอื่น ทั้งหลาย จึงจะมีความหมายเป็นได้จริง

 

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ปยุตตโต)
2 มกราคม 2566

 

52 ปี 14 ตุลา 5

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising