ย้อนกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน นับว่าเป็นยุคทองของ Pause วงดนตรีชื่อแปลกที่มีความหมายว่า ‘หยุด’ แต่สำหรับอนาคตบนเส้นทางดนตรีของพวกเขากำลังสดใส จากผลงาน 4 อัลบั้ม (รวมอัลบั้มพิเศษ) ที่มีเพลงอย่าง ที่ว่าง, ข้อความ, ความลับ, รักเธอทั้งหมดของหัวใจ, ยื้อ, กอดหมอน, อีกครั้ง ฯลฯ กลายเป็นเพลงฮิตที่นักฟังเพลงร้องตามได้ทุกคน แต่สิ่งที่เป็นมากไปกว่าเพลงฮิตสำหรับวงการเพลงไทย คือเสียงร้องยอดเยี่ยม เป็นเอกลักษณ์ของนักร้องนำผู้เป็นหัวใจสำคัญของวงอย่าง โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์
ไม่มีใครคาดคิดว่าอนาคตที่สดใสของวงดนตรีระดับปรากฏการณ์จากค่ายเบเกอรี่ มิวสิค จะต้องหยุดลงแต่เพียงเท่านั้น เมื่อมีคนพบร่างไร้วิญญาณ โจ้-อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์ ภายในลิฟต์ของอาคารที่พักแห่งหนึ่งย่านพระโขนง จากหลักฐานโดยรอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนว่า นักร้องนำของวง Pause จะตัดสินใจกดปุ่ม ‘หยุด’ ชีวิตด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การหยุดชั่วคราว แต่หมายถึงการกดปุ่ม ‘Stop’ ที่ตัวเขาจะไม่สามารถกลับมาร้องเพลงเพื่อสร้างความสุขให้กับแฟนๆ ได้อีกต่อไป
วงการดนตรีไทยได้มีโอกาสรู้จักชื่อของโจ้ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ จากการขึ้นไปโชว์พลังเสียงแหลมสูงทรงพลังหาตัวจับยากในเพลง อย่าหยุดยั้ง ของวง The Olarn Project และเพลง Carrie ของ Europe วงดนตรีแนวฮาร์ดร็อกจากสวีเดน ที่ทำให้เขาคว้ารางวัลชนะเลิศจากงาน Coke Music Awards ในปี 2536 และจากจุดนั้นเองที่ทำให้เขาได้พบกับ นอ-นรเทพ มาแสง (เบส), เอ-พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ (กีตาร์) และ บอส-นิรุจ เดชบุญ (กลอง) ก่อนที่ทั้งหมดจะรวมตัวกันกดปุ่ม Pause ให้วงการดนตรีคึกคักขึ้นมาอีกครั้งในปี 2539 กับอัลบั้ม (Push Me) Again ภายใต้สังกัดเบเกอรี่ มิวสิค
หลังจากนั้นเส้นทางของพวกเขาก็พุ่งสูงอย่างที่ทุกคนรู้จักกันดี ผ่านผลงานอีก 3 อัลบั้ม ภายในช่วงระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่อัลบั้มที่สอง Evo. & Nova (2541) และ Mild (2542) อัลบั้มที่สามที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากเพลง ดาว, ข้อความ, สัมพันธ์, ความลับ, เปล่า, บางสิ่ง, กอดหมอน, จะรักเธอคนเดียว ฯลฯ และอัลบั้มพิเศษรวมเพลงฮิต Rewind ในปี 2543
ถึงแม้ว่าหลายคนจะจดจำและประทับใจกับเสียงร้องหวานเศร้าในเพลงช้าๆ ซึ้งๆ อย่าง ที่ว่าง, รักเธอทั้งหมดของหัวใจ ฯลฯ แต่จริงๆ แล้ว DNA หลักอีกหนึ่งอย่างของโจ้และวง Pause คือเพลงร็อกที่พูดถึงปัญหาทางสังคมได้อย่างชาญฉลาดและคมคาย ทักษะทางดนตรีแน่นๆ และเสียงร้องแหลมทรงพลังของโจ้เป็นส่วนผสมที่ลงตัว
นอกจากเพลงร็อกหนักๆ และเพลงรักร่วมสมัยหวานหู โจ้ยังหลงใหลในความไพเราะของบทเพลงยุคก่อนหน้า ถึงขนาดเคยออกอัลบั้มเดี่ยว Simply Me ที่รวมเอาเพลงเก่าที่เขาชื่นชอบอย่าง น้ำตาแสงใต้, เดือนเพ็ญ, ใจบางบาง, รักเองช้ำเอง, ดึกแล้ว ฯลฯ มาขับร้องใหม่ในสไตล์ของเขา ที่เต็มไปด้วยความกินใจ ซาบซึ้ง และตราตรึง โดยเฉพาะเพลง เหมันต์ที่ผ่านพ้นไป ของ สุชาติ ชวางกูร ที่เศร้าอยู่แล้ว ให้กลายเป็นฤดูหนาวที่เศร้าจับใจขึ้นไปอีก
แต่น่าเสียดายที่เมื่อสิ้นสุดอัลบั้มนี้ เราก็ไม่มีโอกาสได้ฟังผลงานใหม่ๆ จากเสียงร้องที่ไม่อาจมีใครมาแทนได้อีกต่อไป