“ดนตรีคือมิตรสหาย การปลุกปลอบให้กำลังใจคือหน้าที่ของฉัน ไปสู่โลกใหม่กันเถอะครับคุณลูฟี่”
ถ้านับเฉพาะช่วงหลังไทม์สคิป ตอนพูดประโยคนี้ออกมา บรูค นักดาบและนักดนตรีของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง นับว่ายืนอยู่บนจุดสูงสุดของ ‘ศิลปิน’ ผู้คนเรียกเขาว่าราชาแห่งวงการเพลงโซล โซลคิง ที่มีแฟนคลับติดตามอยู่ทั่วโลก จากโลกในการ์ตูนเรื่อง One Piece
ด้วยสถานะตอนนั้นบรูคสามารถเลือกเดินตามเสียงดนตรี ออกเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตไปทั่วโลก กอบโกยชื่อเสียง เงินทอง มีกินมีใช้อย่างสุขสบายไปตลอดชีวิต แต่บรูคเลือกทำตามเสียงของหัวใจ ละทิ้งทุกอย่างกลับมาเสี่ยงชีวิต ผจญภัยไปพร้อมกับลูฟี่และเพื่อนๆ กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางอีกครั้ง
ถึงแม้การทำแบบนั้นเท่ากับประกาศตัวยืนอยู่ตรงข้ามฝั่งรัฐบาลโลก มีทหารเรือมาไล่จับ แต่บรูคก็ยืนยันที่จะใช้ ‘เสียง’ ของเขา Call out ออกมา ประกาศความจริงที่ไม่ใช่เฟกนิวส์ให้โลกรู้ว่าลูฟี่ยังมีชีวิตอยู่ พร้อมที่จะออกผจญภัยต่อสู้กับทุกความอยุติธรรมอีกครั้ง
“เอาเหล้าบิงส์มาส่งแล้ว”
ย้อนกลับไปในการ์ตูน One Piece ตอนที่ 442 เมื่อกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางเข้าสู่ ฟลอเรียน ไทรแองเกิล ทะเลปีศาจที่ปกคลุมด้วยหมอกหนา บรูคปรากฏตัวพร้อมกับภาพลักษณ์โครงกระดูก นิสัยทะลึ่งตึงตัง มีเสียงหัวเราะ โยโฮ่ โยโฮ่ เป็นเอกลักษณ์ และผมทรงแอโฟรโดดเด่นที่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเด็ดขาด
บรูคเป็นผู้ครอบครองพลังผลปีศาจโยมิโยมิ ที่ทำให้วิญญาณสามารถเดินทางกลับจากโลกแห่งความตาย แต่น่าเสียดายเมื่อเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมา เพื่อนๆ กลุ่มโจรสลัดรุมบ้าผู้ชื่นชอบและเริงร่าในเสียงดนตรีขนาดที่เด็กร้องไห้ยังต้องหัวเราะ พากันเสียชีวิตไปหมดแล้ว
บรูคต้องใช้ชีวิตเพียงลำพังมาตลอดระยะเวลา 50 ปี หลายครั้งที่ความเหงาเกาะกินหัวใจจนรู้สึกอยากตายไปให้พ้นจากความทรมาน แต่เขายังต้องมีชีวิตต่อไปเพื่อกลับไปหา ลาบูน วาฬเพื่อนรักที่กลุ่มโจรสลัดรุมบ้าเดินทางจากมา พร้อมคำสัญญาที่ว่าจะกลับไปพบกันอีกครั้ง
การติดอยู่ในหมอกหนาของฟลอเรียน ไทรแองเกิล และถูกเก๊กโคโมเรียแย่งชิงเงาจนต้องใช้ชีวิตใต้เงามืด ทำให้โอกาสกลับไปทำตามสัญญาริบหรี่ลงไปทุกที จนได้พบกับลูฟี่และกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางที่ทำให้บรูคเริ่มมองเห็นแสงสว่างขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อช่วยกันต่อสู้และแย่งชิงเงากลับมาได้สำเร็จ บรูคอาสาเล่นดนตรีในงานเลี้ยงเพื่อฉลองชัยชนะ ภาพความทรงจำเมื่อ 50 ปีก่อนที่รายล้อมไปด้วยผองเพื่อนค่อยๆ ย้อนกลับมา ไล่เลียงไปจนถึงวันที่กลุ่มโจรสลัดรุมบ้าร้องเพลงประสานเสียงกันเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่เพื่อนๆ จะค่อยๆ ล้มหายไปทีละคนจนเหลือบรูค ที่บรรเลงเพลงนี้เพียงลำพัง กลายเป็นอีกหนึ่งฉากย้อนอดีตที่สวยงามและทรงพลังมากที่สุดในเรื่อง One Piece
“จะเอาเหล้าบิงส์ไปส่ง พวกเราโจรสลัดจะผ่าผืนทะเล ใช้คลื่นต่างหมอน ใช้เรือต่างรังนอน สิ่งที่อยู่บนผืนธงนั้นคือหัวกะโหลก”
เมื่อเสียงเพลงดังขึ้นมาอีกครั้ง บรูคไม่ต้องร้องเพลงนี้เพียงลำพังอีกต่อไป เพราะเขามีพวกพ้องกลุ่มใหม่ ที่ถึงแม้อายุจะห่างกันหลายสิบปี เติบโตมาคนละยุคสมัย แต่หลอมรวมกันได้เพราะมีความฝัน อุดมการณ์ และ ‘คำสัญญา’ ที่ต้องร่วมกันทำให้สำเร็จ
ถึงแม้หลังจากนั้นไม่นาน จะเกิดเหตุการณ์ที่ลูฟี่ไปชกหน้า ‘เผ่ามังกร’ ฟ้า เพราะเห็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่อาจให้อภัย จนทำให้กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง (และกลุ่มโจรสลัดอื่นๆ บนเกาะชาบอนดี้) ต้องถูกไล่ล่าจากแสนยานุภาพระดับสูงสุดของกองทัพเรืออย่าง พล.อ. คิซารุ, เซนโทมารุ และกองทัพแปซิฟิสต้า ที่มีหน้าที่รับใช้เผ่ามังกรฟ้าเป็นภารกิจสูงสุด
วันนั้นกลุ่มโจรสลัดหมวกฟางพ่ายแพ้ยับเยิน จนคุมะมาช่วยใช้พลังส่งแต่ละคนแยกย้ายไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อฝึกฝนทักษะพัฒนาการต่อสู้ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในอีก 2 ปีข้างหน้า ในวันที่เพื่อนๆ เติบโต และคนทั้งโลกรู้จักเขาในฐานะ ‘โซลคิง’
นอกจากฝีมือการต่อสู้ บรูคเลือกที่จะใช้พลังของดนตรีเพื่อประโยชน์ที่มากกว่าสร้างความสุข เขาใช้ตัวโน้ตปลุกพลังใจให้ผู้คนลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อชีวิตของตัวเอง และเมื่อถึงวันที่ชื่อเสียงโด่งดังถึงขีดสุด บรูคก็ใช้ ‘เสียง’ นั้น เพื่อผู้คนและพวกพ้องที่เขารัก
ฉากเล็กๆ ในงานคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายที่หมู่เกาะชาบอนดี้ เมื่อความจริงเปิดเผยว่าบรูคคือโจรสลัด ถูกรัฐบาลมองว่าเป็น ‘อาชญากร’ ที่ต้องตรวจสอบและจับกุม แต่ผู้คนบนเกาะก็ออกมาช่วยขัดขวางและปกป้องการแสดงบทเพลงสู่โลกใหม่ ที่เขาและเพื่อนๆ ต้องไปผจญภัยต่อสู้กับศัตรูที่เลวร้ายในอนาคต
เป็นหนึ่งในประเด็นที่การ์ตูนเรื่อง One Piece ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า เมื่อไรก็ตามที่ ‘ศิลปิน’ เลือกยืนอยู่ฝั่งประชาชน ผู้คนก็พร้อมที่จะสนับสนุนอยู่เสมอ
หรือถ้าจะให้เห็นภาพในโลกความเป็นจริงชัดเจนยิ่งกว่านั้น ลองเข้าไปดูที่ #Saveมิลลิ ที่ขึ้นเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง ด้วยจำนวนการพูดถึงมากกว่า 2.5 ล้านครั้งดูก็ได้
*หมายเหตุ: ตอนนี้ THE STANDARD POP มีรายการใหม่ #โลกคือการ์ตูน ที่นำการ์ตูนเรื่อง One Piece มาพูดตีความถึงแง่มุมต่างๆ ทั้งทางชีวิต สังคม และการเมือง ที่ซ่อนอยู่ภายใต้การผจญภัยของกลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง
สามารถรับชมรายการได้ที่