24 สิงหาคม 2557 ประกาศราชกิจจานุเบกษา พระบรมราชโองการ ประกาศแต่งตั้ง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทย
พล.อ. ประยุทธ์ทำการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ก่อนที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ตนเองเป็นผู้แต่งตั้ง มีมติเอกฉันท์ให้ พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ถือเป็นผู้นำคณะรัฐประหารคนที่ 5 ที่ยึดอำนาจเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง
พล.อ. ประยุทธ์ปกครองประเทศด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 โดยมีมาตรา 44 รวบอำนาจทั้งนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการให้อยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จคล้ายกับมาตรา 17 ของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์
ขณะที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งร่างขึ้นโดยกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ คสช. เป็นผู้แต่งตั้งกำหนดให้ ส.ว. ทั้งหมด 250 คน มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. และมีอำนาจลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์เลื่อนการเลือกตั้งมาหลายครั้ง โดยอ้างโรดแมปหรือข้อกำหนดทางกฎหมายที่ตนเองเขียนขึ้น
กระทั่งการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 มีการเลือกตั้งทั่วไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 โดย พล.อ. ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวของพรรคพลังประชารัฐ แม้พรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้ ส.ส. ในสภาฯ มาเป็นอันดับ 1 แต่สามารถรวมเสียง ส.ส. จากพรรคการเมืองอื่นๆ ร่วมตั้งรัฐบาล เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคเล็กที่มี ส.ส. 1 คน กว่า 10 พรรค จัดตั้งรัฐบาลผสม 19 พรรค ทำให้ พล.อ. ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีกสมัย
สิ่งที่ต้องจับตาคือ กรณีที่มีการถกเถียงและอาจนำไปสู่การหาข้อยุติในเชิงกฎหมายว่า สถานะความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะครบรอบการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนี้ในวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หากเริ่มนับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งเมื่อปี 2557 ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้รัฐประหาร เข้าควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ก็จะครบ 8 ปีพอดี ตามที่รัฐธรรมนูญได้เคยวางหลักวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ให้ไม่เกิน 8 ปี
อีกด้านหนึ่งมองว่ากรณีการครบรอบ 8 ปี ต้องนับตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่มีผลบังคับใช้ในห้วงที่ พล.อ. ประยุทธ์เข้าเป็นนายกรัฐมนตรีตามกติกานี้ ทำให้ยังสามารถดำรงตำแหน่งไปได้จนถึงปี 2570 เพราะนับจากการดำรงตำแหน่งภายหลังรัฐสภาโหวตเมื่อ 9 มิถุนายน 2562
