นาฬิกา ‘โอเมก้า’ (Omega) เป็นแบรนด์คลาสสิกมายาวนาน และมีภาพจำเสมือนเป็นนาฬิกาสำหรับผู้ชายด้วยดีไซน์ที่เรียบเท่ แต่แท้จริงแล้วโอเมก้าผลิต ‘นาฬิกาสำหรับผู้หญิง’ ตั้งแต่ช่วงก่อตั้งจนหลอมรวมอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ของ
แบรนด์มาถึงทุกวันนี้
THE STANDARD ขอพาคุณร่วมเดินทางไปย้อนรอยระหว่างความเรียบหรูของ ‘โอเมก้า’ กับความงดงามของ ‘ผู้หญิง’
ในปี 1848 ได้ถือกำเนิดนาฬิกาสำหรับสตรีขึ้นพร้อมกับการก่อตั้งแบรนด์โอเมก้าโดย Louis Brandt ซึ่งเป็นนาฬิกาพกที่มีดีไซน์เล็กกว่าของผู้ชาย ต่อมาได้ถูกพัฒนากลไกพร้อมรังสรรค์ความสวยงามลงตัวมากขึ้น ด้วยการเพิ่มดีเทลตกแต่งโดยใช้อัญมณีแบบศิลปะชั้นสูงอย่างประณีต ความงดงามบนข้อมือถูกโปรโมตบนภาพวาดที่รังสรรค์โดยศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียง Paul César F. Helleu จึงทำให้นาฬิกาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ต่อมาเมื่อนาฬิกาข้อมือเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โอเมก้ายังคงเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ที่เปิดตัวนาฬิกาข้อมือผู้หญิงออกสู่ตลาด ซึ่งรุ่นแรกเปิดตัวในปี 1906 พร้อมจุดเด่นตัวเรือนทองคำสีแดง 18 กะรัต ที่ดัดแปลงจากนาฬิกาจี้ห้อยคอ Lépine ผสานเข้ากับหน้าปัดหินสีงาช้าง (ไอเวอรี) และเข็มนาฬิกาที่ถอดรายละเอียดจากยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 อย่างลงตัว และในเวลาใกล้เคียงกัน โอเมก้าก็เปิดตัวนาฬิกาข้อมือเรือนแรกสำหรับทหารอังกฤษ ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโอเมก้าให้ความสำคัญกับนาฬิกาผู้หญิงเท่าเทียมกับของผู้ชาย
หลายปีผ่านไป โอเมก้ายังคงมุ่งมั่นประดิษฐ์นาฬิกาเพื่อผู้หญิงอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้โอเมก้าประสบความสำเร็จสูงสุดกับการทำยอดขายที่เติบโตขึ้นจนถึงปี 1935 มากกว่า 35% จนทำให้โอเมก้าขยับขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มนาฬิกาผู้หญิงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
และที่น่าสนใจคือ ผลงานจากโอเมก้ามากมายกลายเป็นไอคอนของยุคสมัยต่างๆ และทุกแวดวง ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา Omega Medicus ที่ได้รับความไว้วางใจจากบรรดาพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงสงครามโลก, Omega Art Déco Jewelry Wristwatch ที่เป็นถึงไอคอนของโลกแฟชั่นช่วงปี 1940, Omega Ladymatic ที่เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาของผู้หญิงยุคใหม่ในศตวรรษที่ 19 และ Omega Constellation Star อีกหนึ่งนาฬิกาแห่งความหรูหราเรียบง่ายที่ผู้หญิงมากมายต้องการเป็นเจ้าของ
ความผูกพันระหว่าง ‘โอเมก้า’ กับ ‘ผู้หญิง’ ยังได้รับการถ่ายทอดผ่านผลงานโฆษณานาฬิกาชิ้นแล้วชิ้นเล่า ที่สะท้อนบทบาทของผู้หญิงในหลากหลายแง่มุมทั้งแฟชั่น การใช้ชีวิต หน้าที่การงาน ความรัก รวมถึงเรื่องครอบครัว แต่ผลงานเป็นที่จดจำมากที่สุดคือโฆษณานาฬิกาโอเมก้าที่ผสานสร้อยข้อมือทูโบกาส (Tubogas) ในปี 1946 ซึ่งถูกวาดโดยศิลปินชื่อดังอย่าง René Gruau จากลายเส้นเฉียบคมโดดเด่น และภาพผู้หญิงสื่อถึงความมั่นใจเฉลียวฉลาด พร้อมความทันสมัย และเป็นที่ยอมรับในวงสังคม ซึ่งโยงมาถึงเรื่องของบุคลิกของบรรดาแอมบาสเดอร์ที่โอเมก้าเลือกในปัจจุบัน ทั้งซูเปอร์โมเดล ซินดี้ ครอว์ฟอร์ด, นิโคล คิดแมน, คายา เกอร์เบอร์ (ลูกสาวของซินดี้ ครอว์ฟอร์ด)
จากเรื่องราวทั้งหมดทำให้เห็นความผูกพันที่ยาวนานของ ‘โอเมก้า’ และ ‘ผู้หญิง’ และที่สำคัญที่สุดของนาฬิกาผู้หญิงโอเมก้าทุกเรือนนั้นจะต้องมีจุดเด่นร่วมกันคือดีไซน์สวยงามสะดุดตา มีกลไกที่เที่ยงตรงและคุณภาพตามมาตรฐานระดับสูงของนาฬิกาสวิสที่ควรมี จึงไม่แปลกใจที่โอเมก้ายังครองใจผู้หญิงทั่วทุกมุมโลกมาจนถึงทุกวันนี้
อีกหนึ่งผลงานล่าสุดคือ De Ville Trésor ที่หลอมรวมมรดกของนาฬิกาผู้หญิงและตำนานที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในอดีตจนเกิดเป็นนาฬิกาเรือนใหม่ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์หรูหราเรียบง่ายและคลาสสิก ตัวเรือนได้รับการออกแบบให้มีความบางพิเศษรับกับข้อมือ ซึ่งเหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่หลงใหลนาฬิกาหน้าปัดใหญ่ขึ้น ขับเคลื่อนการบอกเวลาอย่างเที่ยงตรงด้วยกลไก Omega Calibre 4061 ที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของตัวเอง
การประดับเพชรบนขอบข้างตัวเรือนทั้งสองด้านอย่างละเอียดลออ ผสานกลมกลืนไปกับตัวเลขโรมันและเข็มนาฬิการูปทรงเพรียวบาง พร้อมเม็ดมะยมตกแต่งรูปดอกไม้ที่ทำขึ้นจากโลโก้ ‘Omega’ 5 รูป วางซ้อนกันบนพื้นสีแดงยกระดับความหรูหราด้วยการสลักเสลาลวดลาย Her Time ที่ฝาหลังอย่างงดงาม ทั้งหมดนี้เป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะรุ่นนี้เท่านั้น
นอกจากนั้นยังเพิ่มความหลากหลายอีก 9 รุ่น ที่สะท้อนรสนิยมของผู้หญิงที่แตกต่างกันโดยแต่ละรุ่นจะมีสีของหน้าปัด วัสดุตัวเรือนและสายอย่างหลากหลาย เช่น หน้าปัดสีขาว สีดำ สีน้ำตาล หรือประดิษฐ์จากเปลือกหอยมุกตัวเรือนสเตนเลสสตีล หรือทองคำ Sedna 18k สายผ้าซาตินและสายหนัง
ล่าสุดโอเมก้ายังเผยโฉมทางเลือกสุดพิเศษอีก 3 รุ่น ในงานเปิดตัวคอลเล็กชัน De Ville Trésor อย่างเป็นทางการที่กรุงเบอร์ลินประเทศเยอรมนีโดยรุ่นแรกเพิ่มความพิเศษด้วยสีแดงเข้มของหน้าปัด และสายหนังซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากอัญมณีโกเมน ซึ่งเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 14 พลอยทำให้เรือนนี้เต็มอิ่มไปด้วยความเรียบหรูงดงามและความสมบูรณ์แบบ
รุ่นที่ 2 โดดเด่นด้วยตัวเรือนทองคำขาวบริสุทธิ์คาโนปุสโกลด์ (Canopus Gold) 18 กะรัต พร้อมยกระดับด้วยเทคนิคเจียระไนหน้าปัดเปลือกหอยมุกเพื่อประดับเพชร 262 เม็ดในตำแหน่งของตัวเลขโรมัน ซึ่งต้องอาศัยความประณีตและพิถีพิถันความแพรวพราวของเรือนนี้เปรียบเสมือนดวงดาวที่เจิดจรัสบนฟากฟ้า
ส่วนรุ่นสุดท้ายเป็นตัวแทนความงาม ศิลปะ และงานฝีมือชั้นสูง เพราะโอเมก้าเลือกใช้เทคนิคพิเศษที่หลอมรวมอัญมณีอะเวนจูรีน (Aventurine) เข้าไปในหน้าปัดทองคำ 18 กะรัต ซึ่งใช้เทคนิคการลงยาที่เรียกว่า ‘Grand Feu’ จากนั้นนำไปเจียระไนเพื่อประดับเพชรลงในตำแหน่งของตัวเลขโรมันเข้าคู่ไปกับตัวเรือนทองคำขาวบริสุทธิ์คาโนปุสโกลด์ 18 กะรัต นาฬิการุ่นนี้จึงถือเป็นความสวยงามเหนือกาลเวลาที่สุด
เรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่เพียงเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า โอเมก้าไม่ได้มีดีแค่นาฬิกาผู้ชาย แต่ยังเป็นนาฬิกาเพื่อผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รุ่นใหม่ De Ville Trésor ยังเปี่ยมไปด้วยความงามและควรค่าแก่การครอบครองเช่นกัน
- De Ville Trésor มี 2 ขนาด ได้แก่ 36 มิลลิเมตร และ 39 มิลลิเมตร
- ในปี 1949 ชื่อของ Trésor ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก เมื่อโอเมก้ารังสรรค์กลไกระดับตำนานที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 มิลลิเมตร