โอลิมปิกฤดูหนาววุ่น หลังกรณีสาวน้อยมหัศจรรย์รัสเซียใช้สารต้องห้าม

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่งต้องเผชิญกับฝันร้ายที่ตามมาหลอกหลอนมหกรรมกีฬาของชาวโลกอีกครั้ง เมื่อเกิดกรณีปัญหาการใช้สารต้องห้ามของ คามิลา วาลิเอวา นักกีฬาสเกตน้ำแข็งทีม ROC (Russian Olympic Committee) ตามการยืนยันของ Independent Testing Agency (ITA) หน่วยงานอิสระที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบการใช้สารต้องห้าม

โดยหลังจากที่มีกระแสข่าวลือสะพัดในช่วงวันพฤหัสบดี (10 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา ว่ามีหนึ่งในนักกีฬารัสเซียถูกตรวจพบว่าใช้สารต้องห้ามที่คาดว่าจะเป็นไตรเมทาซิดีน (Trimetazidine) ที่มีส่วนช่วยเกี่ยวกับระบบการไหลเวียนโลหิต ทำให้นักกีฬาลงแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในรายงานข่าวยังมีคาดการณ์ที่ชวนช็อกถึงชื่อนักกีฬารายดังกล่าวว่าอาจจะเป็นวาลิเอวา สาวน้อยมหัศจรรย์วัยเพียง 15 ปีที่เพิ่งสร้างความประทับใจให้แก่ทุกคนในการแข่งขันสเกตลีลาประเภททีม โดยเป็นนักกีฬาหญิงคนแรกของโลกที่สามารถทำท่า Quad หรือการกระโดดหมุนตัวกลางอากาศ 4 รอบได้สำเร็จ และมีส่วนในการทำให้ทีม ROC ได้เหรียญทองมาครองด้วย

ก่อนที่วันนี้ (11 กุมภาพันธ์) ทางด้าน ITA จะยืนยันอย่างเป็นทางการว่านักกีฬาที่ถูกตรวจพบว่าใช้สารต้องห้ามคือวาลิเอวาจริง แต่ไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน

เรื่องนี้สร้างความอลหม่านและสับสนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะต่อ 2 ประเด็นอ่อนไหวคือ วาลิเอวาจะถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันหรือไม่ และนั่นจะหมายถึงการที่ทีม ROC จะไม่ได้เหรียญทองในการแข่งขันที่มีวาลิเอวาลงแข่งหรือไม่ และตามสิทธิ์แล้วเยาวชนอายุไม่เกิน 16 ปีอย่างเธอจะได้รับการคุ้มครองหรือไม่

มาลองสรุปประเด็นอ่อนไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้กัน

ย้อนกลับไปในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา วาลิเอวาได้ลงแข่งขันสเกตลีลาประเภททีมหญิงและทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยสาวน้อยวัย 15 ปี กลายเป็นนักสเกตหญิงคนแรกที่กระโดดท่า Quad ได้สำเร็จ สร้างความฮือฮาอย่างมาก และทีม ROC สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้ ขณะที่ทีมชาติสหรัฐอเมริกาได้เหรียญเงิน และทีมชาติญี่ปุ่นกับทีมชาติแคนาดาได้เหรียญทองแดง

แต่ ROC รวมถึงวาลิเอวายังไม่ได้ขึ้นรับเหรียญทอง เนื่องจากมีการแจ้งว่านักกีฬารัสเซียใช้สารต้องห้าม ทำให้พิธีการขึ้นรับเหรียญรางวัลถูกชะลอออกไปก่อน

จากนั้นในวันพฤหัสบดี (10 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมามีรายงานความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่านักกีฬาที่ถูกตรวจพบใช้สารต้องห้ามเป็นนักกีฬาเยาวชน ซึ่งในทีมรัสเซียมีเยาวชนแค่คนเดียวคือวาลิเอวา

ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานข่าวในเดือนธันวาคมว่า 1 ใน 6 สมาชิกทีม ROC ถูกตรวจพบว่าใช้สารไตรเมทาซิดีน ซึ่งปกติแล้วเป็นสารที่จะใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งการใช้สารดังกล่าวกับนักกีฬาถือเป็นเรื่องต้องห้ามเพราะถือเป็นสารกระตุ้น และมีการห้ามใช้มาตั้งแต่ปี 2014

ทางด้านคณะกรรมการโอลิมปิสากล (IOC) ปฏิเสธจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในทีแรกเนื่องจากยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับทางด้านรัฐบาลรัสเซียที่ของดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะยังไม่ได้รับรายงาน

แต่วันนี้ ITA ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการแล้วว่านักกีฬาที่ถูกตรวจพบว่าใช้สารต้องห้ามคือ วาลิเอวา จริงตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้

เพียงแต่การตรวจพบการใช้สารต้องห้ามครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว แต่เป็นการตรวจในช่วงวันคริสต์มาสปีกลายที่ผ่านมา ซึ่งวาลิเอวาลงแข่งขันในรายการชิงแชมป์ระดับประเทศของรัสเซีย และเพิ่งจะมีการยืนยันผลอย่างเป็นทางการ

กรณีนี้ทำให้เกิดคำถามว่าจะมีการลงโทษแบนทันทีหรือไม่ เนื่องจากวาลิเอวายังมีโปรแกรมที่จะต้องลงแข่งขันประเภทบุคคลในวันอังคารหน้า (15 กุมภาพันธ์)

ตามกฎแล้วทางด้าน RUSADA องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นของรัสเซียจะต้องลงโทษแบนทันที แต่วาลิเอวาได้ขออุทธรณ์เพื่อขอสิทธิ์ในการลงซ้อม ซึ่ง RUSADA ตัดสินใจยกเลิกการลงโทษแบนชั่วคราว

ด้านทีม ROC ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า วาลิเอวาได้ผ่านการตรวจสอบการใช้สารกระตุ้นมาโดยตลอด ทั้งในช่วงก่อนและหลังจบการแข่งขันเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้เกี่ยวกับการลงโทษแบนนักกีฬานั้นทางด้าน ITA ย้ำว่า วาลิเอวา ‘เป็นบุคคลที่ได้รับการปกป้อง’ เนื่องจากตามกฎบัตรขององค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (WADA) องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก บุคคลที่อายุต่ำกว่า 16 ปี ถือเป็นบุคคลที่จะได้รับการปกป้อง

อย่างไรก็ดีทางด้าน IOC ได้ยื่นคัดค้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ และจะให้เรื่องถึงอนุญาโตตุลาการกีฬา (CAS) ที่จะเป็นฝ่ายตัดสินว่าจะมีการลงโทษแบนวาลิเอวาตามเดิมหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศคำตัดสินก่อนหน้าที่สาววัย 15 ปีจะลงแข่งขันในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ว่าเธอจะสามารถเข้าร่วมแข่งขันต่อได้หรือไม่

ตามรายงานข่าวระบุว่า วาลิเอวาลงฝึกซ้อมในวันศุกร์โดยไม่มีสมาธิอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ข่าวการใช้สารต้องห้ามของนักกีฬารัสเซียทำให้บรรยากาศของการแข่งขันดรอปลงไปมาก เพราะเป็นอีกครั้งที่รัสเซียกลับมาเป็นข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับเรื่องนี้ และทั้งๆ ที่ยังโดนลงโทษจากการเข้าร่วมแข่งขันในฐานะประเทศสมาชิกตั้งแต่ปี 2017

อ้างอิง: