×

‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน’! สำรวจปรากฏการณ์ ‘ตื่นเงิน’ เมื่อคนไทยจำนวนมากกำลังสนใจเรียนรู้เรื่องการเงิน

12.05.2022
  • LOADING...
OKMD

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ตื่นตัวเรื่อง ‘การจัดการเงิน’ อย่างแพร่หลาย ผู้คนจำนวนมากสนใจเรียนรู้ทางการเงินผ่านหลักสูตรสัมมนาทางการเงิน หรือติดตามรายการให้ความรู้เรื่องการเงินจนหลายรายการติดอันดับ มีตัวอย่างมากมายที่แสดงถึงการเชิญชวนบุคคลไม่จำกัดช่วงวัยให้เข้ามาเรียนรู้เรื่องการเงินการลงทุน ทั้งจากภาครัฐฯ สถาบันการเงิน และบุคคลธรรมดา

 

สิ่งที่เกิดขึ้นชวนให้เห็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเงินและคนในสังคมที่เปลี่ยนไป การลงทุนและการเรียนรู้การลงทุน ซึ่งครั้งหนึ่งจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้ที่มีทรัพย์สินมาก ได้เคลื่อนเข้าหาคนทั่วไป ปัจจุบันแม้แต่นิสิตนักศึกษาก็ควรเริ่มเรียนรู้การลงทุน บรรทัดฐานเรื่องความจำเป็นในการลงทุนกำลังก่อตัวขึ้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยตื่นตัวที่จะแสวงหาความรู้ทางการเงิน

 

เหล่านี้กลายเป็นที่มาของวิทยานิพนธ์เรื่อง ‘ตื่นเงิน: ชีวิตที่ดีและความสัมพันธ์ทางสังคมของผู้แสวงหาความรู้ทางการเงิน’ (http://ethesisarchive.library.tu.ac.th/thesis/2020/TU_2020_5908030595_10691_15612.pdf) ซึ่งได้สำรวจปรากฏการณ์ตื่นตัวทางการเงินผ่านการให้ความรู้ทางการเงินของ ‘กลุ่มคนไทยฉลาดการเงิน’ และผู้เข้าร่วมงานสัมมนา ซึ่งผู้เขียนนิยามว่า ‘ผู้แสวงหาความรู้ทางการเงิน’

 

ความน่าสนใจคือ เนื้อหาที่เผยแพร่โดยวิทยากรกลุ่มคนไทยฉลาดการเงิน ซึ่งประกอบด้วยทัศนคติ ความรู้ และเครื่องมือทางการเงิน ตั้งอยู่บนฐานคิดสำคัญว่า ‘ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนผ่านการฝึกปฏิบัติ’ ไม่ควรหวังพึ่งบุคคลอื่นหรือรัฐเรื่องการเงิน เงินเป็นสิ่งที่ต้องจัดการ ผู้ที่มีแนวทางจัดการเงิน เท่ากับมีแนวทางจัดการชีวิต 

 

ซึ่งแนวคิดจัดการเงินที่วิทยากรเสนอคือ ความฉลาดทางการเงิน เครื่องมือทางการเงินเป็นเครื่องมือสำหรับฝึกฝนให้ผู้แสวงหาความรู้ทางการเงินออกจากประสบการณ์จัดการเงินที่คุ้นเคย แล้วทดลองวิธีใหม่เพื่อค้นหาผลลัพธ์ทางการเงินที่ต่างจากอดีต 

 

สาเหตุที่ทำให้บุคคลกลายเป็นผู้แสวงหาความรู้ทางการเงินมีหลากหลาย โดยมีจุดร่วมผ่านความกังวลต่อภาวะต่างๆ ได้แก่ ภาวะเรื่องเงินไม่พอใช้ การมีหนี้สิน ความต้องการมีเงินใช้หลังเกษียณ และการอยากประสบความสำเร็จ 

 

โดยประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้แสวงหาความรู้ทางการเงินนำไปสู่ผลลัพธ์ที่หลากหลาย มีทั้งผู้ที่ทดลองใช้ความรู้และเครื่องมือจนได้ผลลัพธ์ทางการเงินใกล้เคียงกับที่ตนเองปรารถนา มีทั้งผู้ที่นำไปลองปฏิบัติแต่หยุดกลางคัน และผู้ที่มองว่าชุดความรู้และเครื่องมือไม่เหมาะประยุกต์กับชีวิต 

 

ประเด็นหนึ่งที่ปรากฏชัดได้แก่ ไม่มีผู้แสวงหาความรู้ทางการเงินคนใดนำทัศนคติ ความรู้ และเครื่องมือไปใช้อย่างเถรตรง ทุกคนล้วนประยุกต์ ปรับ และเลือกรับให้เข้าบริบทของตน ผู้เขียนพบว่าการตัดสินใจทางการเงินของผู้แสวงหาความรู้ทางการเงิน มีการใคร่ครวญถึงอนาคตและความสัมพันธ์ทางสังคม หากผู้แสวงหาทางการเงินรู้สึกจัดการอนาคตผ่านความยากลำบากที่จัดการได้ก็จะมีชีวิตที่ดีได้

 

อีกสิ่งหนึ่งคือ ผู้วิจัยเห็นด้วยกับวิทยากรกลุ่มคนไทยฉลาดการเงินว่า ความรู้ทางการเงินในประเทศไทยยังไม่แพร่หลาย การศึกษาไทยยังไม่ให้ความรู้ทางการเงินเท่าทันยุคสมัยที่ปรับเปลี่ยน สภาพสังคมเศรษฐกิจที่มีพลวัตย่อมเรียกร้องความเข้าใจเรื่องการจัดการเงินที่มีพลวัต

 

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นนี้มี 3 ประเด็นย่อยเพิ่มเติม ประเด็นแรกคือ ความรู้ทางการเงินมีหลากหลาย เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชุดความรู้ทางการเงินที่เป็นสากลที่เหมาะกับทุกบริบทและทุกกลุ่มสังคมโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยน ดังนั้นหัวใจสำคัญของการเผยแพร่ความรู้ทางการเงินจึงอยู่ที่การพิจารณากลุ่มผู้รับความรู้

 

ประเด็นที่สอง การให้ความรู้ทางการเงินเป็นวงกว้างที่สุดจะช่วยในหลายประเด็น เช่น ลดความเข้าใจผิดทางการเงิน เท่าทันการชวนเชื่อให้ลงทุน หรือการหลอกให้ลงทุน กระจายความเหลื่อมล้ำทางความรู้ว่าเรื่องของการเงินไม่จำเป็นต้องอยู่ในมือผู้เชี่ยวชาญเพียงอย่างเดียว ฯลฯ การเงินพื้นฐานที่ปรับตามพลวัตของการเงินโลกควรบรรจุอยู่ในหลักสูตรการศึกษา ผู้เรียนจะรับเอาแนวทางไปปฏิบัติหรือไม่ หรือรับมากแค่ไหน ควรให้เป็นทางเลือกของผู้เรียน 

 

ประเด็นที่สาม ความรู้ทางการเงินไม่ควรถูกยกมาให้ความสำคัญกว่าการแก้ปัญหาเชิงนโยบายอื่นๆ แม้การให้ความรู้ทางการเงินจะจำเป็น แต่การแก้ปัญหาเชิงนโยบายมีความสำคัญ ไม่เช่นนั้นการให้ความรู้ทางการเงินจะเท่ากับการผลักภาระให้ปัจเจกแต่เพียงผู้เดียว 

 

ดังที่ผู้วิจัยเสนอไปก่อนหน้าว่า ความรู้ทางการเงินเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้คนไทยจำนวนมากไม่มั่นคงทางการเงิน หากต้องการแก้ปัญหานี้ในระยะยาว จะต้องปรับเปลี่ยนนโยบายไปพร้อมๆ กัน

 

 

ภาพประกอบ: พรวลี จ้วงพุฒซา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising