Goldman Sachs ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปีหน้าลง 12% โดยอ้างถึงการผลิตที่มีปริมาณมากในสหรัฐอเมริกา โดยสถาบันการเงินดังกล่าวคาดว่าน้ำมันดิบเบรนท์ซึ่งเป็นเกณฑ์มาตรฐานน้ำมันทั่วโลก จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 81 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2024 ลดลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่ประเมินไว้ที่ 92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งแตะระดับสูงสุดที่ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในเดือนมิถุนายน ปี 2024
ทั้งนี้ ทีมนักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs กล่าวว่า เหตุผลสำคัญสำหรับการปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมัน สืบเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของความเร็วในการขุดเจาะและความเข้มข้นของการขุดเจาะที่สมบูรณ์อย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา
การปรับลดคาดการณ์ครั้งนี้ยังมีขึ้นในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และเวสต์เท็กซัสขยับขึ้นราว 3.5% โดยน้ำมันดิบเบรนท์ขึ้นมาอยู่ที่ 79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอยู่ที่ 74 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
รายงานระบุว่าราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นในช่วงเวลานี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง BP เปิดเผยข้อมูลว่าจะหยุดการขนส่งทั้งหมดผ่านทะเลแดง เนื่องจากมีการโจมตีเรือของกลุ่มติดอาวุธฮูตีในเยเมนที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสเพิ่มมากขึ้น
สำหรับภาพรวมราคาน้ำมันในตลาดโลกปี 2023 ยังคงอยู่ในช่วงขาลง โดยราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน แม้ว่าองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือ OPEC+ ในฐานะกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก จะประกาศขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ไปจนถึงไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามของกลุ่มเพื่อรักษาระดับราคา โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากความกังวลด้านอุปสงค์น้ำมันดิบที่มีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน ที่กำลังเผชิญกับความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่ง รวมถึง Craig Erlam นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสแห่ง OANDA ชี้ว่า การที่ธนาคารกลางรายใหญ่ของโลกอาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ได้เพิ่มโอกาสในการเกิดภาวะ Soft Landing ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้องการน้ำมันในตลาด
อ้างอิง: