ประโยคสั้นๆ จากโอมีจู (ชินเซคยอง) ที่สะท้อนความเป็นจริงในโลกยุคโลกาภิวัตน์ที่ทุกอย่างรอบตัวหมุนไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวอาจเกิดบางเหตุการณ์ หรือความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนทั้งชีวิตและอนาคตของผู้คนไปได้อย่างสิ้นเชิง
โอมีจูพูดประโยคนี้กับ พัคเมย์ (อีบงรยอน) ประธานบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ พี่สาวคนสนิทที่คอยดูแลให้ความช่วยเหลือและเปรียบเสมือนครอบครัวคนเดียวของโอมีจู ในช่วงที่พัคเมย์ย้อนกลับไปมองความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 10 ปีก่อน ผ่านภาพยนตร์ที่เธอเคยแปล
และคำบรรยายที่เธอเคยคิดว่าดีในตอนนั้นกลายเป็น ‘เชย’ เมื่อมองผ่านสายตาในยุคปัจจุบัน ในฉากนี้จึงทำให้เราเห็นรายละเอียดที่ดู ‘เล็กน้อย’ แต่ ‘สำคัญ’ มากในการเลือกใช้ถ้อยคำของนักแปล ถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของตัวละคร ผ่านค่านิยมและภาพสะท้อนยุคสมัยของนักแปลที่แปรผันไปตามกาลเวลา
แน่นอนว่าประโยคของสาวพลังบวกอย่างโอมีจูยังคงช่วยย้ำเตือนใจของคนดูได้ ผ่านนัยแฝงที่ว่า การใช้ชีวิตในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วนี้ เวลาเพียง 1 นาทีก็มีค่าและมากพอที่จะทำหรือเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างได้ ดังนั้นจงใช้เวลาของคุณให้คุ้มค่าที่สุด
ไม่ใช่แค่โลกและภาษาที่เปลี่ยนแปลงไป เรื่องราวในซีรีส์ Run On อีพี 11-12 ที่ออกอากาศไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ได้เปลี่ยนอะไรหลายๆ อย่างตามคำพูดของโอมีจู ผ่านการพลิกเส้นเรื่องและความสัมพันธ์ของตัวละครใน 1 นาที
จาก ‘ล้ม’ สู่ ‘ลุก’ ของนักกีฬาคิมอูชิก (อีจองฮา) ที่หมดหวังกับความฝันที่เคยสร้างและถอนตัวจากการเป็นนักกีฬาเพราะอาการบาดเจ็บ
จาก ‘ไม่รู้’ สู่การ ‘ยอมรับ’ ความรู้สึกที่แท้จริงของประธานซอดันอา (ชเวซูยอง) ตัวละครที่สร้างกำแพงและพร้อมจะทิ่มแทงคนรอบตัวด้วยคำพูด จากปมความขัดแย้งและปัญหาชายเป็นใหญ่ภายในครอบครัว
และจากความ ‘สุข’ สู่ความ ‘เศร้า’ ของโอมีจู กับการตัดสินใจทำเรื่องที่ผิดพลาด ที่บีบใจคีซอนกยอม (อิมชีวาน) และคนดูไปพร้อมๆ กัน
สำหรับช่วงเวลาที่เหลือในซีรีส์ Run On อีก 4 อีพี และกำลังจะออกอากาศในคืนวันนี้ (และพรุ่งนี้) เราหวังว่าโลก (ที่สร้างโดยผู้เขียนบท) ที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงภายในช่วง 1 นาที จะไม่หมุนเรื่องร้ายๆ มาทำลายพลังบวกของโอมีจูมากไปกว่านี้
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า