เพราะออฟฟิศคือสังคมที่เราต้องใช้เวลาต่อวันนานกว่าสังคมอื่นๆ ฉะนั้นพฤติกรรมต่างๆ ของคนภายในออฟฟิศจึงส่งผลต่อเราไม่มากก็น้อย และเช่นเดียวกันที่ทุกคนก็ย่อมจะได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของคนอื่นๆ สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ไม่ว่าในสังคมไหนๆ ก็ต้องมีใครบางคนหรือบางกลุ่มรับบทผู้นำ ซึ่งอาจจะมาจากการได้รับการสถาปนา หรือไม่ก็ ‘สถาปนาตัวเอง’ ขึ้นมา
แบบแรกที่ได้รับการสถาปนานี้ ถึงแม้จะมีหลักเกณฑ์หรือแนวทางอย่างเป็นทางการมากมาย แต่ในหลายๆ องค์กรก็ยังต้องเผชิญกับผู้บริหารบางคนที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของผู้นำได้ดี นี่ไม่ต้องคิดว่าถ้าในออฟฟิศนั้นยังเต็มไปด้วยผู้นำกลุ่มในแบบที่ สอง คือแบบที่สถาปนาตัวเองขึ้นมา มันจะน่าสยดสยองสักแค่ไหนหากเราต้องไปใช้ชีวิตในออฟฟิศแบบนั้น
จากทั้งประสบการณ์ตรงและที่มีคนมาปรึกษา พบว่าเกือบทุกที่จะมีมาเฟียออฟฟิศ หลับตาสิคะ แล้วนึกหน้าคนแบบนั้น นึกค่ะ ถ้าออฟฟิศไหนไม่มีมาเฟีย ออฟฟิศนั้นช่างน่าอิจฉายิ่งนัก แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าใครๆ ก็ต้องมีประสบการณ์เจอมาเฟียในที่ทำงานมาก่อนด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งเป็นได้ทั้งผู้ชาย-ผู้หญิง อายุมาก-อายุน้อย ทำงานมานานหรือมาใหม่
และจากการเฝ้าสังเกตคนกลุ่มนี้มาเป็นระยะเวลานานพอสมควรก็พอจะสรุปได้ว่า มาเฟียเหล่านั้นมีเส้นทางในการขึ้นเถลิงอำนาจเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่ในออฟฟิศได้อย่างไรบ้าง
1. พี่อยู่มาทุกยุค
อันนี้คลาสสิกที่สุด ประเภทที่คิดว่าอยู่มาก่อนก็ต้องรู้อะไรมากกว่า (ซึ่งเรื่องที่รู้มักจะเป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากกว่าเรื่องที่เป็นประโยชน์กับการทำงาน) มักคอยขัดแข้งขัดขาคนที่มาใหม่ ใครกำลังจะได้ดีหรือมีโอกาสเรียนรู้อะไรได้มากขึ้น คนพวกนี้เป็นต้องรีบสกัดดาวรุ่ง ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากชนิดที่ว่าจะถามอะไรสักหน่อยก็แทบจะต้องร่างเป็นจดหมายขออนุญาตกันเลยทีเดียว หรือแม้กระทั่งบางคนที่อาจจะมีความเข้าใจในกระบวนการทำงานดี แต่ไม่มีจิตสำนึกถึงส่วนรวม
คนพวกนี้มักจะคอยทำหน้าที่จับผิดแทนที่จะสอนคนใหม่ว่าควรทำงานอย่างไร เพราะในใจจะคิดว่าถ้าตัวเองทำงานนั้นได้ ใครๆ ก็ควรจะทำได้ โดยลืมนึกไปว่ากว่าจะมีวันนี้ ตัวเองต้องผ่านการเรียนรู้อะไรมาบ้าง หรือบางคนจะคิดว่าตอนนางเข้ามาทำงานก็ไม่มีใครสอนยังรอดมาได้ เพราะฉะนั้นคนใหม่ ถ้าเก่งจริงก็ต้องทำงานได้เองสิ ถ้าคนใหม่ทำไม่ได้ก็จะโดนคนพวกนี้ดูถูก และแม้ว่าจะทำได้ก็จะโดนหมั่นไส้อยู่ดี #พวกผีไดโนเสาร์
2. หัวหน้าไม่ทำหน้าที่
หัวหน้าใจดีนี่ก็จะเป็นที่รักและเข้าใจ แต่ถ้าใจดีจนละเลยหน้าที่ในการตัดสินผิดถูกด้วยเหตุผลบ่อยๆ ก็จะทำให้บางคนเกิดความมั่นใจในการจะเป็นคนร้ายๆ ในที่ทำงานเพื่อความสะใจหรือเพื่อให้ได้ใช้อำนาจเกินขอบเขต นี่ยังไม่นับรวมประเภทที่ว่าหัวหน้าให้ท้ายอีกนะ คิดดูสิว่าจะเป็นมหันตภัยระดับไหน นึกภาพพวกแม่นมตัวร้ายในละคร แบบนั้นเลยจ้า
3. เด็กเส้น
จะเส้นเล็กเส้นใหญ่ ถ้าหลุดเข้ามาเมื่อไรก็ถือเป็นทางลัดขึ้นสู่ตำแหน่งมาเฟียได้ทันที เพราะบางคนก็มักจะคิดว่าถึงอย่างไรก็จะมีผู้ใหญ่คอยสนับสนุน ทำให้การโต้แย้งกันกับคนพวกนี้มักจะไม่จบลงตรงที่เหตุผล แต่จะเป็นการตัดสินใจแบบฟันธงของผู้ใหญ่ในแบบที่งงกันไปทั้งออฟฟิศก็เป็นไปได้ ก็เราคุ้นเคยกับระบบอุปถัมภ์มาเนิ่นนานล้านปีขนาดนี้ คงไม่แปลกใจที่คนเส้นใหญ่มักจะไปได้ไกลแม้จะไม่ขยับขาเดิน นี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่คนเก่งๆ มักจะลาออกไป เพราะไม่มีใครอยากอยู่ในการแข่งขันที่ไม่ยุติธรรม
4. กิ๊ก
ทันทีที่มีเรื่องส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้องแบบลึกซึ้ง บางคนก็จะได้อำนาจพิเศษติดตัวไปด้วย อาจจะเป็นการได้รับสิทธิพิเศษ หรือการได้รับการคุ้มครองแบบที่ทำอะไรก็ไม่ผิด หรือผิดยังไงก็ไม่โดนวีน ในขณะที่บางคนแค่ผมร่วงลงบนพื้นก็โดนด่าว่าเป็นต้นเหตุของอาการภูมิแพ้ของเพื่อนร่วมงานแล้ว ไต่เต้าหรือจะสู้เต้าไต่ แต่สมัยนี้ไม่ได้มีแค่เต้าไต่นะคะ กล้วยไต่ก็ไม่ใช่น้อย…อุ๊ปส์
5. ลูกรัก
บางคนอาจจะทำงานได้เสียดีจนเป็นที่พึงพอใจของผู้บริหารระดับสูง แต่ถ้าไม่มีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ก็จะเป็นคนเก่งที่ไม่มีใครรัก เป็นคนที่มีอำนาจจากการทำงานได้ดี แต่ไม่มีบารมีให้คนนับถือด้วยใจ จึงต้องทวีระดับการใช้อำนาจขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้สามารถควบคุมทุกคนเอาไว้ให้ได้นานๆ ภาวะผู้นำจึงเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ไม่ใช่ว่าจะต้องรอเป็นหัวหน้าหรอกนะจึงจะเรียนรู้เรื่องนี้ได้ ในบางครั้ง บางคนอาจจะได้รับความไว้วางใจจากเจ้านายเนื่องจากมีผลงานที่ดี แต่ถ้าไม่มีศิลปะในการสื่อสารหรือการทำงานร่วมกับคนอื่นก็จะกลายเป็นคนเก่งที่ไม่สามารถสั่งการใครได้ แน่นอนว่าบางคนอาจจะเลือกใช้อำนาจจากการเป็นลูกรักเพื่อบังคับให้คนอื่นทำตามในสิ่งที่ตนเองคิดว่าดี
6. จ่าฝูง
หัวหน้าแก๊งเมาท์ผู้ซึ่งรวบรวมกำลังคนจากการเป็นศูนย์ข้อมูลในการนินทาคนอื่นไว้จะกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลในหมู่คนที่ชอบพูดถึงคนอื่นลับหลังด้วยกัน เพราะนอกจากอำนาจจะมาจากการกล้าทำเรื่องไม่ดีแล้ว ยังทำให้คนที่กลัวการถูกนินทาต้องยอมอ่อนข้อให้คนพวกนี้ด้วย คนกลุ่มนี้เป็นตัวบ่อนทำลายความสามัคคีในองค์กรอย่างมาก สิ่งที่ทุกออฟฟิศควรทำคืออย่าปล่อยให้การนินทาเป็นเรื่องปกติที่คิดว่าคนถูกนินทาต้องทำใจและปล่อยผ่าน เพราะการนินทาเป็นการสะท้อนวัฒนธรรมองค์กรว่าไม่มีช่องทางการสื่อสารอย่างเป็นรูปธรรม หรือสะท้อนว่าผู้บริหารไม่รับฟังปัญหาของพนักงาน การไม่มีระบบการบริหารผลงานและค่าตอบแทนที่ดี หรือแม้กระทั่งระบบการกระจายงานที่ไม่ดี ทำให้มีคนว่างงานได้ขนาดนี
7. ว่าง
ใช่ค่ะ มันจะมีคนบางคนที่ดูว่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ ว่างจนเรารู้สึกสงสัยว่าจำเป็นต้องมีคนคนนี้ในออฟฟิศจริงๆ หรือ คนที่ว่างมากมักมีเวลาเหลือพอที่จะสนใจเรื่องจุกจิกเล็กน้อยไปเสียทุกเรื่อง และแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจ จึงทำให้บางคนเอามาเป็นจุดแข็งในการคอยจับผิดคนอื่นไปทั่ว ยิ่งถ้าเจ้านายสนับสนุนว่าการจับผิดเป็นเรื่องดี องค์กรแบบนี้จะเต็มไปด้วยคนขี้อิจฉาและจะมีปัญหาในการปรับปรุงพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เนื่องจากใครๆ ก็จะแข่งกันขุดคุ้ยปัญหามากกว่านำเสนอแนวทางแก้ไข หรือบางทีคนที่คอยเสนอสิ่งใหม่ๆ ก็จะท้อต่อพลังการจับผิดของคนพวกนี้ไปเสียเอง
มั่นใจมากค่ะว่าถ้ามีมาเฟียเกิดขึ้นแล้วนั้น ความสุขในการทำงานของคนทั่วไปจะลดลงได้อย่างรวดเร็ว เพราะทุกครั้งที่ต้องทำงานกับคนเหล่านี้มักจะเต็มไปด้วยเรื่องบ้าบอเกินกว่าจะคาดคิดได้ ซึ่งโคตรจะบั่นทอนพลังในการทำงานเลยค่ะ
สิ่งที่องค์กรสมควรต้องทำคือการป้องกันไม่ให้เกิดมาเฟียขึ้น หรือถ้ามีแล้วก็ต้องรีบตัดตอนไม่ให้แผ่ขยายเครือข่ายออกไป ที่สำคัญคือผู้บริหารต้องไม่เป็นผู้ฟูมฟักมาเฟียเหล่านั้นเสียเอง เพราะสาเหตุที่มาเฟียส่วนใหญ่ยังคงมีอิทธิพลอยู่ได้ เพราะได้รับการสนับสนุนจากคนที่มีอำนาจระดับสูง
องค์กรที่ดีจำเป็นต้องมีระบบในการบริหารผลงานและแนวทางการบริหารองค์กรที่เป็นเหตุเป็นผลมากกว่าการตัดสินด้วยอารมณ์และความพึงพอใจ วัฒนธรรมการพึ่งพาอาศัยและการเอาอกเอาใจแบบคนไทยไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ต้องให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม การทำงานแบบมืออาชีพคือการมีจรรยาบรรณในอาชีพ เราทุกคนโตพอที่จะรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกและผิด อย่าให้ความถูกใจอยู่เหนือความถูกต้อง ก็จะเป็นการฆ่าตัดตอนมาเฟียไปได้ค่ะ
ในส่วนของตัวพวกเราเองที่นอกจากจะต้องไม่ทำตัวเองเป็นเจ้าพ่อเจ้าแม่แล้ว ถ้าหากต้องทำงานกับคนเหล่านี้ ให้คิดไว้เสมอว่า #อย่าไปไฝว้ เพราะเสียทั้งเวลาและเสียพลังงานเปล่าๆ ค่ะ คนพวกนั้นไม่มีอะไรจะเสีย และพร้อมที่จะดึงด้านมืดของทุกคนออกมาเพื่อทำให้ใครๆ ก็มองว่าคนไม่ดีมีเยอะแยะ ไม่ใช่แค่พวกเขา เพราะฉะนั้นถ้าต้องทำงานเกี่ยวข้องกันก็ควรเน้นแต่เนื้อหา ไม่เอาอารมณ์ไปเกี่ยวข้อง ทำงานแบบมีหลักฐาน ยึดกระบวนการที่ถูกต้อง และต้องมีพยานเสมอ
จำไว้ว่าเป็นคนเก่งแล้วต้องเป็นคนดีด้วยนะคะ
#รักนะคะ
#เจ้าหญิงแห่งวงการHR
ภาพประกอบ: Nisakorn R.