วันนี้ (9 ธันวาคม) ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่คณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระ 2 ที่มีกระแสข่าวรัฐบาลอาจมีการเสนอญัตติโดยใช้มาตรา 155 หรือ 165 ในการเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติของรัฐสภา ซึ่งอาจทําให้ไทม์ไลน์การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ตรงตาม MOA และเป็นผลให้ฝ่ายค้าน เช่นพรรคเพื่อไทย หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะล่มไปด้วย
ณัฐพงษ์ระบุว่า การยื่นญัตติในลักษณะนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถทําได้ คงไปตอบแทนไม่ได้ว่าควรหรือไม่ควรยื่น แต่หากจะต้องมีการเปิดอภิปรายขึ้นมาไม่ว่าเวทีใดก็ตาม โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคประชาชนพร้อมเดินหน้าอย่างเต็มที่ สําหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่กําลังจะมาถึงนี้ ขอให้ติดตามการทําหน้าที่ของพรรคประชาชน ซึ่งเราเองมุ่งหวังว่าจะสามารถเดินหน้าได้ตามกรอบ MOA
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมีการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้งหรือไม่ ว่าในระหว่าง 15 วัน หลังวาระ 2 จะไม่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือต้องพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลหรือไม่ ว่าไม่ต้องยื่นญัตติอภิปรายทั่วไป ณัฐพงษ์ยืนยันว่า ตนเองและพรรคประชาชน เราได้มีการหารือทั้งหน้าบ้านหลังบ้านกับเพื่อนสมาชิกรัฐสภามาโดยตลอดไม่ว่าฝ่ายใด แต่ไม่มีการเจรจาตกลงใดๆ ว่าตกลงแล้วจะหลบเลี่ยงการยื่นให้ ไม่มีการพูดคุยใดๆ อย่างนั้นทั้งสิ้น
“แต่เรามีการแสดงเหตุผลว่า วัตถุประสงค์ของพรรคประชาชนในการเซ็น MOA ให้เกิดขึ้นเพื่ออะไร เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งไปพร้อมกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้น การที่แต่ละพรรคแต่ละฝ่ายจะตัดสินใจยื่นหรือไม่ยื่นญัตติ หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรค” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า สำหรับพรรคประชาชน เรายืนยันว่า อย่างไรก็ตามขอดูการพิจารณารัฐธรรมนูญในวาระ 2 และ 3 ที่จะถึงนี้ก่อน ซึ่งจะเป็นประเด็นหนึ่งที่เราใช้เป็นส่วนสําคัญในการพิจารณา ว่าจะยื่นหรือไม่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ผู้สื่อข่าวซักถามอีกว่า จะใช้ตัวชี้วัดไหนเป็นหลักในการพิจารณา จำนวนเสียง สว. หรือไม่ ณัฐพงษ์กล่าวว่า อย่างน้อยๆ ต้องมีการพิจารณาผ่านในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ส่วนเนื้อหาสาระที่ตอนนี้ผ่านมาจากชั้นกรรมาธิการแล้ว ถ้าสามารถดําเนินการผ่านไปได้อีก 2 วาระที่เหลือ ก็เชื่อว่าการดําเนินการตาม MOA ยังเดินหน้าต่อ
#วิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา


