นอร์เวย์ขยับขึ้นนั่ง ‘บัลลังก์’ ประเทศผู้ส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขส่งออก 2.8 ล้านตัน กระจายไป 150 ประเทศ มูลค่ารวมถึง 5.60 แสนล้านบาท หรือเทียบเท่ากับการเสิร์ฟมื้ออาหาร 38 ล้านมื้อต่อวัน
ที่มองข้ามไม่ได้ คือในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มูลค่าการส่งออกพุ่งขึ้นถึง 2.25 แสนล้านบาท ท่ามกลางความท้าทายด้านการผลิตแซลมอนและความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เขย่าตลาดโลก
สำหรับประเทศไทยที่กำลังโตแรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังคง ‘ฮอต’ ในฐานะตลาดอันดับหนึ่งของนอร์เวย์ในภูมิภาค ปี 2567 ที่ผ่านมา ไทยนำเข้าอาหารทะเลจากนอร์เวย์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% ปริมาณรวม 42,500 ตัน เพิ่มขึ้น 8% โดย 91% เป็นปลาตระกูลแซลมอนสด
ตัวเลขที่น่าสนใจคือ ไทยนำเข้าปลาตระกูลแซลมอน 27,000 ตัน และคาดว่าจะพุ่งแตะ 31,000 ตันภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งแซงหน้าญี่ปุ่นที่อยู่ที่ 26,800 ตัน แต่ยังตามหลังเกาหลีใต้ที่ 29,000 ตัน และจีนที่ครองแชมป์ 44,000 ตัน
แซลมอนนอร์เวย์ครองส่วนแบ่งตลาดในไทยถึง 70% ขณะที่ฟยอร์ดเทราต์และนอร์วีเจียนซาบะก็มาแรงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในร้านอาหารญี่ปุ่นกว่า 5,700 แห่งทั่วประเทศ
คริสเตียน เครเมอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (NSC) กล่าวใน THAIFEX – Anuga Asia 2025 โดยยอมรับว่าปี 2567 เจอความท้าทายหนักในการผลิตแซลมอน แต่นอร์เวย์ยังส่งออกอาหารทะเลได้กว่า 60 สายพันธุ์ โดยมูลค่าการส่งออกในรอบ 5 ปีพุ่งขึ้น 2.25 แสนล้านบาท
ความตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทย-EFTA ที่เพิ่งลงนามกลายเป็น ‘ตัวเร่ง’ สำคัญ เพราะอาหารทะเลมีสัดส่วนเกินครึ่งของการส่งออกทั้งหมดจากนอร์เวย์มาไทย คาดว่าตลาดไทยจะโตถึง 16% ภายในปี 2573
โอซฮิลด์ นัคเค่น ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ NSC ชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการบริโภคคือร้านอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเผยกิจกรรมการตลาดปี 2568 ที่ตรงกับครบรอบ 120 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-นอร์เวย์ อาทิ แคมเปญ Salmon Saturday เสาร์สุดฟิน ชวนกินแซลมอน และ From Sea to Sky: 120 Years of Friendship ร่วมกับการบินไทย
ตัวเลขการนำเข้าอาหารทะเลหลักจากนอร์เวย์ในปี 2567 ได้แก่ แซลมอน 19,000 ตัน มูลค่า 6 พันล้านบาท, ฟยอร์ดเทราต์ 8,000 ตัน มูลค่า 2.31 พันล้านบาท และนอร์วีเจียนซาบะ 11,500 ตัน มูลค่า 940 ล้านบาท
จากตัวเลขที่พุ่งทะยานไม่หยุด ภาพรวมทั้งหมดกำลังส่งสัญญาณชัดเจนว่า ธุรกิจอาหารทะเลระหว่างสองประเทศนี้ไม่ได้แค่ ‘ร้อนแรง’ แต่กำลังจะ ‘เดือดพล่าน’ ยิ่งขึ้นในอนาคต และเมื่อคนไทยยิ่งหลงใหลในแซลมอนและอาหารทะเลคุณภาพ ตลาดนี้ก็จะยิ่งใหญ่จนใครๆ ต้องจับตามอง