สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า สไตนาร์ แมดเซน ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ของสำนักงานยาแห่งนอร์เวย์ (NMA) ระบุว่า ไม่สามารถเชื่อมโยงการได้รับวัคซีนของ Pfizer-BioNTech เข้ากับการเสียชีวิตของผู้ที่อยู่ในสถานรับดูแลคนชราหรือคนไม่แข็งแรงอย่างน้อย 33 คน ซึ่งเกิดหลังการรับวัคซีนดังกล่าวได้โดยตรง เพราะทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวร้ายแรงอยู่แล้ว
“เราไม่สามารถพูดได้ว่ามีคนเสียชีวิตจากวัคซีน เราสามารถบอกได้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ เป็นการยากที่จะพิสูจน์ว่าเป็นวัคซีนซึ่งเป็นสาเหตุโดยตรง” เขาระบุ “ที่ชัดเจนก็คือ โควิด-19 เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยส่วนใหญ่มากกว่าการฉีดวัคซีน”
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวมีขึ้นในวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังก่อนหน้านี้ NMA ระบุผ่านเว็บไซต์ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คนหลังการรับวัคซีนดังกล่าว และเปิดเผยรายงานเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ต้องสงสัยรายสัปดาห์หลังการรับวัคซีนของ Pfizer-BioNTech ที่มีผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งที่ได้รับการวิเคราะห์อาการ
Bloomberg ระบุว่า รายงานฉบับเริ่มต้นดังกล่าวกลายเป็นพาดหัวข่าวในระดับสากลจากการที่ทั่วโลกต่างมองหาสัญญาณเริ่มต้นของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากวัคซีน
ส่วนรายงานล่าสุดจาก Bloomberg ชี้ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตดังกล่าวเพิ่มขึ้นเป็น 33 คน โดยทั้งหมดมีอายุตั้งแต่ 75 ปีขึ้นไป
แมดเซนยังระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ผลข้างเคียงของการก่อภูมิคุ้มกันอาจทำให้การพัฒนาของโรคประจำตัวนั้นร้ายแรงยิ่งขึ้นในบางกรณี “เราไม่สามารถบอกได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น” เขากล่าว และระบุว่ารายงานผู้เสียชีวิตในสถานดูแลคนชราหรือคนไม่แข็งแรงก็มีอัตราน้อยกว่า 1 ใน 1,000 อยู่มาก ส่วนกรณีวัคซีนจากบริษัท Moderna ซึ่งเพิ่งเริ่มใช้งานในนอร์เวย์เมื่อวันที่ 15 มกราคม และเป็นชนิด mRNA เช่นเดียวกับวัคซีนของ Pfizer-BioNTech นั้น แมดเซนระบุว่าไม่ได้คาดหวังว่าวัคซีนของ Moderna จะให้ผลที่แตกต่างออกไป
ด้าน คามิลลา สโตลเตนเบิร์ก หัวหน้าสถาบันสาธารณสุขแห่งชาติของนอร์เวย์ระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า มีผู้เสียชีวิตในสถานดูแลคนชราหรือคนไม่แข็งแรงในนอร์เวย์ประมาณวันละ 45 คน ดังนั้นนี่จึงไม่ได้หมายถึงอัตราการตายที่สูงเกินไปหรือการมีความเชื่อมโยงกันในเชิงสาเหตุ
ขณะที่ ไคปป์ ทัลบอต ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านแพทยศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Vanderbilt ในรัฐเทนเนสซีของสหรัฐฯ ก็เห็นว่าผู้คนอาจไม่ตระหนักว่ามีผู้สูงอายุที่อ่อนแอเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง โดยไคปป์เป็นผู้เดียวในคณะที่ปรึกษาของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐฯ (CDC) ที่ไม่สนับสนุนการให้วัคซีนกับกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ป่วยในสถานดูแลคนชราหรือคนไม่แข็งแรงเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากเธอมองว่าการเสียชีวิตซึ่ง ‘หลีกเลี่ยงไม่ได้’ และเกิดขึ้นไม่นานหลังการรับวัคซีนจะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นในวัคซีนที่ลดลง โดยเธอมองว่าควรใช้ทรัพยากรที่ขาดแคลนในการสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้ที่อยู่รอบข้างผู้สูงอายุและผู้ป่วยจะดีกว่า
ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ เยอรมนีและอิสราเอล ยังมีการรายงานการเสียชีวิตในผู้ที่เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีนโดยไม่ได้ระบุความเชื่อมโยงเชิงสาเหตุ ซึ่งคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวัคซีนของรัฐบาลฮ่องกงเตรียมขอข้อมูลจากรัฐบาลนอร์เวย์และรัฐบาลเยอรมนีเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เป็นผลจากการใช้วัคซีนของ Pfizer-BioNTech หลังคณะกรรมการที่ปรึกษาของรัฐบาลฮ่องกงแนะนำให้อนุมัติการใช้วัคซีนชนิดนี้
นอร์เวย์ฉีดวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งโดสให้กับประชากรไปแล้วอย่างน้อย 48,000 คน โดยผู้ที่อยู่ในสถานดูแลคนชราหรือคนไม่แข็งแรงได้รับวัคซีนเกือบทั้งหมดแล้ว
ภาพ: Christof STACHE / AFP
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
