ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกการแถลงนโยบายประจำปีต่อสภาคองเกรส หรือ The State of the Union หลัง แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เตือนว่าจะขัดขวางสปีชสำคัญของเขาในสภาผู้แทนราษฎรจนกว่าหน่วยงานรัฐบาลจะเปิดทำการตามปกติอีกครั้ง ขณะที่ภาวะชัตดาวน์ได้ล่วงเลยสู่วันที่ 33 เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.) ซึ่งเป็นสถิติยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ
“The State of the Union ถูกยกเลิกโดย แนนซี เปโลซี เพราะเธอไม่ต้องการจะรับฟังความจริง เธอไม่ต้องการให้ชาวอเมริกันได้ยินว่าเกิดอะไรขึ้น และเธอก็กลัวความจริง” ทรัมป์กล่าวในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวว่ากำหนดการแถลงนโยบายประจำปีของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 29 มกราคมนี้ อาจเปลี่ยนสถานที่ไปจัดที่อื่นแทน หลังสมาชิกสภาจากพรรครีพับลิกันพยายามเสนอทางเลือกอื่นๆ ที่อยู่นอกอาคารรัฐสภา หรือ The Capitol ให้ทรัมป์พิจารณา โดยหนึ่งในนั้นคือ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซูเปอร์โดม ในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา ซึ่งเสนอโดย สตีฟ สกาไลส์ ผู้นำเสียงข้างน้อยของรีพับลิกันในสภาล่าง
ก่อนหน้านี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ซึ่งมี ส.ส. เดโมแครตครองเสียงข้างมาก ได้ยื่นข้อเสนอจัดสรรงบประมาณจำนวน 5.7 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับเสริมสร้างความมั่นคงในบริเวณชายแดนติดกับเม็กซิโก หลังการต่อรองเรื่องงบประมาณสร้างกำแพงระหว่างทำเนียบขาวกับสภาคองเกรสดำเนินยืดเยื้อหลายเดือน จนส่งผลให้สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณได้ทันการณ์และทำให้เกิดภาวะชัตดาวน์ขึ้น
เจมส์ คลิเบิร์น ผู้นำเสียงข้างมากของเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า สมาชิกเดโมแครตจะเสนอจัดสรรงบ 5.7 พันล้านเหรียญสำหรับเสริมสร้างความมั่นคงเพื่อยุติภาวะชัตดาวน์ หากเงินที่ว่านี้ถูกนำไปใช้ในมาตรการต่างๆ เช่น สมาร์ตวอลล์ หรือกำแพงอัจฉริยะ ซึ่งรวมถึงการติดตั้งเทคโนโลยีสแกนที่ทันสมัย ขยายโครงสร้างพื้นฐานและเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดน
ภาวะชัตดาวน์ซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 1 เดือน ทำให้พนักงานรัฐจำนวน 800,000 คนได้รับผลกระทบ โดยบางส่วนทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง หรือถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าแรงเช่นกัน
แหล่งข่าวภายในสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เปิดเผยกับ THE STANDARD ว่า พนักงานว่าจ้างท้องถิ่นในสถานทูตส่วนใหญ่ยังคงปฏิบัติงานตามเดิมและได้รับเงินเดือนตามปกติ แต่มีพนักงานจำนวนน้อยเพียงแค่ 1% ที่ทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ส่วนพนักงานชาวอเมริกันบางส่วนถูกสั่งให้หยุดงานและไม่ได้รับค่าจ้างตรงตามกำหนด
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุว่า หากภาวะชัตดาวน์ยืดเยื้อต่อไป ก็อาจส่งผลกระทบต่อพนักงานก็เป็นได้ เพราะเงินที่เหลืออยู่อาจไม่สามารถนำไปจ่ายพนักงานว่าจ้างท้องถิ่นได้เพียงพอ แม้ว่าเงินเดือนงวดที่ผ่านมาจะมีการจ่ายตามปกติ แต่งวดถัดไปอาจมีผลกระทบ แต่โดยปกติแล้ว หลังจากที่สภาคองเกรสผ่านงบประมาณได้แล้ว เงินจะถูกเบิกจ่ายย้อนหลังให้กับพนักงานทั้งหมด
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
