‘สิ้นสุดทางเพื่อน’ ของ นาย ณภัทร และ ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ถูกยกเป็นคำเปรียบเปรยเหมือน ‘ทรู-ดีแทค’ ที่ในที่สุดได้มาควบรวมกิจการกันอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
“ในวงการบันเทิงนายและใบเฟิร์นได้สิ้นสุดทางเพื่อนกัน ส่วนการควบรวมกิจการของทรู-ดีแทค ก็เป็นเหมือนการสิ้นสุดทางเพื่อนเช่นเดียวกัน” ฐานพล มานะวุฒิเวช หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- TRUE คิกออฟธุรกิจไลฟ์สไตล์หลังการควบรวม DTAC เปิดตัวแบรนด์ใหม่ ‘TrueX’ พร้อมดึง ‘ลิซ่า BLACKPINK’ มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์
- ‘ทรู คอร์ปอเรชั่น’ จะให้บริการภายใต้แบรนด์ ‘ทรู’ และ ‘ดีแทค’ ต่อไปอีก 3 ปีตามกฎ กสทช. ย้ำการแข่งขันยังมีต่อไปแน่นอน
- ‘ทรู’ เชื่อว่าหนี้จะเริ่มลดลงหลังควบรวม ‘ดีแทค’ ล่าสุด ‘ทริสเรทติ้ง’ ขยับความน่าเชื่อถือจาก BBB+ เป็น A+
ฐานพลย้ำว่าหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของทีมการตลาดคือการเร่งสร้างการรับรู้ถึงคุณภาพภายหลังการรวมธุรกิจ แม้ว่าหลังการรวมทรู-ดีแทคกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ผลตอบรับของลูกค้าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าที่รับสิทธิพิเศษทั้งทรูและดีแทครวมเพิ่มอีกมากกว่า 33 ล้านรายการ มียอดผู้ใช้งานดิจิทัลแพลตฟอร์มเพิ่มใหม่อีกมากกว่า 8 แสนราย
เพื่อย้ำถึงผลตอบรับ ทรูยังได้ร่วมกับ Market Buzz สำรวจกลุ่มลูกค้ามือถือทั่วประเทศช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ครอบคลุมทุกช่วงวัยตั้งแต่อายุ 15-55 ปี พบว่าหลังจากรวมกันลูกค้ารู้สึกดีกับแบรนด์ทรูในด้านบวก มีความมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Young Gen รู้สึกดีมาก มั่นใจว่าอนาคตจะมีสินค้าที่ดีและโปรโมชันที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งเชื่อว่าจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยผลจากการสำรวจ ภาพรวมการชื่นชอบ (Overall Liking) อยู่ในเกณฑ์ดีมากสูงถึง 85% ขณะที่รู้สึกเชื่อมั่นและไว้ใจหลังการควบรวมเพิ่มสูงขึ้น 69% (เหมือนเดิม 28% น้อยลง 3%) และความรู้สึกที่อยากสนับสนุน ซื้อสินค้าทั้งสองแบรนด์ (Purchasing Intention) เป็น 79% โดยมีเหตุผลที่จะซื้อเนื่องจากสัญญาณที่จะดีขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และภาพลักษณ์ของการรวมสองธุรกิจชั้นนำยิ่งจะสร้างสิ่งที่ดียิ่งกว่า
แต่นั่นยังไม่เพียงพอ ท่ามกลางการตั้งคำถามของหลายฝ่ายถึงการควบรวมกิจการที่ถูกมองว่าจะทำให้ผู้บริโภคเสียผลประโยชน์หรือไม่ บริษัทใหม่ (ในชื่อเก่า) อย่างทรู คอร์ปอเรชั่น จึงไม่อาจรอช้าในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ในขณะที่การแข่งขันยังไม่มีทีท่าจะลดลง กลายเป็นที่มาของการดึงนายและใบเฟิร์น ซึ่งทั้งคู่ต่างเป็นพรีเซนเตอร์ของทรูและดีแทคในตอนที่ยังไม่ได้ควบรวมกิจการ มาเป็นพรีเซนเตอร์คู่กันภายใต้บริษัทใหม่ด้วย
“การสื่อสารด้วยการเลือกพรีเซนเตอร์ นายและใบเฟิร์น ซึ่งเป็นคู่ที่น่ารัก ลงตัว จะสามารถสร้างพลังงานเชิงบวก มีเสน่ห์ เข้าถึงได้ และมีความเป็นตัวตนที่แท้จริง ตรงกับบุคลิกภาพของแบรนด์ทรูได้” แม่ทัพการตลาดของทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าว
ในแง่ของราคาที่ถูกถามว่าจะทำให้ถูกลงได้หรือไม่ เพราะเพียงวันที่ 1 หลังการควบรวมกิจการ ราคาแพ็กเกจรายเดือนของทุกค่ายได้ปรับขึ้นมาเท่ากันหมดแบบที่ไม่ได้นัดหมาย ในขณะที่ก่อนหน้านี้มีการประเมินว่าอัตราค่าบริการที่จะเพิ่มขึ้นและเป็นไปได้มากที่สุดจะอยู่ที่ 20-30% จากค่าบริการเฉลี่ยในปัจจุบัน 220 บาทต่อเดือน และจะทำให้ผู้บริโภคที่มีการใช้งานโทรศัพท์จริงประมาณ 80 ล้านเลขหมายต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 3,520-5,280 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 42,240-63,260 ล้านบาทต่อปี
เรื่องนี้ฐานพลตอบว่า การรวมกันได้ทำให้ราคาถูกสุดๆ แล้ว เทียบได้จากบริการอื่นๆ ที่ลูกค้าจะได้รับเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ขอตอบว่าในแง่ของค่าโทรและอินเทอร์เน็ตจะสามารถลดลงได้อีกหรือไม่
อ้างอิง: