ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนประเด็นสิทธิในการได้รับบริการสาธารณสุขอันเกี่ยวเนื่องกับสิทธิผู้ต้องขัง กรณีกล่าวอ้างว่า มาตรการในการดูแลผู้ต้องขังของหน่วยงานรัฐไม่สามารถลดหรือระงับการแพร่ระบาดของโรคโควิดในเรือนจำ หลายคำร้อง
เมื่อวันที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา ศยามล ไกยูรวงศ์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พร้อมด้วยพนักงานเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ถนนงามวงศ์วาน เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ได้เข้าหารือกับ นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประสานการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้แก่ผู้ต้องขังคดีการเมือง รวมทั้งผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด ระหว่างที่ถูกคุมขังในเรือนจำ
ในการนี้กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้เข้าเยี่ยมอาคารห้องพักผู้ป่วย และสอบถามถึงมาตรการและแนวปฏิบัติในการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขแก่กลุ่มผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด ซึ่งรักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ชี้แจงถึงมาตรฐานการรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพและมีความเข้มงวดในการป้องกัน รักษา และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด พร้อมให้ข้อมูลว่าผู้ต้องขังรวมถึงผู้ต้องขังคดีทางการเมืองได้รับการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องและมีอาการดีขึ้น โดยผู้ต้องหาคดีการเมืองหลายคนเป็นผู้ป่วยโควิดที่อยู่ในระยะพักฟื้น ไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งจะหายเป็นปกติและจะถูกนำตัวกลับไปคุมขัง ณ เรือนจำตามเดิมได้ในเร็ววัน
กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้พูดคุยกับผู้ต้องขังคดีทางการเมือง 2 ราย ได้แก่ พริษฐ์ ชิวารักษ์ และ ชาติชาย แกดำ ผ่านระบบโทรศัพท์ โดยทราบว่าทั้งคู่มีอาการดีขึ้น แต่ยังมีความห่วงกังวลในประเด็นสิทธิในสุขภาพและการเข้าถึงบริการด้านสาธารณสุขเมื่อต้องถูกนำตัวกลับไปคุมขัง ณ เรือนจำ ซึ่งยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิดอยู่ นอกจากนี้ พนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงาน กสม. ยังได้พูดคุยกับผู้ต้องขังที่เป็นผู้ป่วยรับการรักษาในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์รายอื่น ซึ่งให้ข้อมูลว่าได้รับการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดี
“กสม. จะเร่งตรวจสอบและประสานการคุ้มครองในประเด็นเรื่องร้องเรียนข้างต้นโดยเร็ว และขอยืนยันหลักการปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองสิทธิในสุขภาพของผู้ป่วย และการรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน” ศยามลกล่าว