วันศุกร์ที่จะถึงนี้ NFL ศึกอเมริกันฟุตบอลจะเปิดฤดูกาลแล้ว โดยเกมแรกจะเป็นการพบกันของแชมป์เก่า นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ พบกับ แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ในช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 8 กันยายนนี้ ก่อนฟุตบอลแรกจะถูกเตะ เราไปดู 5 สิ่งที่น่าติดตามในฤดูกาลนี้กัน
Photo: Timothy A. CLARY/AFP
ทอม เบรดี้ กับฤดูกาลสุดท้ายของเขากับ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์
ต้องยอมรับว่า เมื่อเราพูดถึงอเมริกันฟุตบอล คงไม่มีใครไม่รู้จัก ชายที่มีชื่อว่า ทอม เบรดี้ ยอดควอเตอร์แบ็กของนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ซึ่งฤดูกาลที่ผ่านมาได้สร้างสถิติยอดเยี่ยม พลิกกลับมาชนะแอตแลนตา ฟอลคอนส์ ทั้งที่ตามอยู่ถึง 25 แต้ม กลับมาชนะ 34-28 พร้อมทำสถิติเป็นควอเตอร์แบ็กที่อายุมากที่สุดที่คว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลได้ เท่ากับเพย์ตัน แมนนิง ที่วัย 39 ปี
โดยเบรดี้ในปีนี้มีอายุครบ 40 ปี และเขาได้แสดงจุดประสงค์ว่าเขาต้องการเล่นต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ซึ่งเป็นธรรมดาของช่วงเริ่มต้นทุกฤดูกาลที่นักวิเคราะห์ต่างๆ จะเชื่อว่านี่อาจเป็นปีสุดท้ายของนักกีฬา ที่แม้จะมีความสามารถพิเศษหรือดูแลตัวเองดีขนาดไหน แต่ในวัย 40 ปี ก็อาจจะใกล้ถึงเวลาเกษียณของพวกเขา
Photo: STR/AFP
แต่ในครั้งนี้ ข่าวสารเกี่ยวเบรดี้ ดูจะมีมูลความจริงมากขึ้นว่านี่อาจจะเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขากับนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ หลังจากที่ช่วยกันสร้างทีมขึ้นมาคว้าแชมป์ซูเปอร์โบว์ลมาทั้งหมด 5 สมัย
ในวัย 40 ปี หลายคนก็เริ่มมองว่าน่าจะเป็นช่วงสุดท้ายหรือปีสุดท้ายจริงๆ ของเบรดี้แล้ว และสถานการณ์ของทีมนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ในขณะนี้จำเป็นต้องเลือกระหว่าง จิมมี การ็อปโปโล ควอเตอร์แบ็กมือสองฝีมือดีวัย 25 ปีที่กำลังจะหมดสัญญาลงในปีนี้ รวมถึงล่าสุดทางนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ได้เทรด จาโคบี บริสเซตต์ ควอเตอร์แบ็กมือสามออกจากทีมไปแล้ว
Photo: NFL
นิวอิงแลนด์เหลืออยู่ 2 ตัวเลือกคือ หนึ่ง ต่อสัญญากับ ทอม เบรดี้ ในวัย 40 ปี หรือต่อสัญญากับ จิมมี การ็อปโปโล ดาวรุ่งวัย 25 ปี เพื่ออนาคต ซึ่งตัวเลือกค่อนข้างชัดเจนว่าจะออกมาเป็นจิมมี และเชื่อว่าเบรดี้จะยังไม่เลิกเล่น แต่อาจจะหาทีมอื่นสร้างความท้าทายใหม่ต่อไป
อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายคนเชื่อว่านี้คือฤดูกาลสุดท้ายของเบรดี้กับทีม เนื่องจาก บิลล์ เบลิชิก ยอดโค้ชทีมนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ อาจต้องการพิสูจน์ฝีมือโดยไม่มีเบรดี้อยู่ช่วยทีมสักครั้งในชีวิต ทำให้ฤดูกาลนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นเบรดี้ในสีเสื้อของนิวอิงแลนด์ แพทริออตส์
NFC ฤดูกาลปกติที่ทุกคนมีลุ้นผ่านเข้ามาชิง
ขณะที่ฝั่ง AFC ที่จะมีเพียงแค่ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ เป็นตัวเต็งแชมป์สาย พร้อมกับทีมเทนเนสซี ไททันส์ ที่ ปีเตอร์ คิงส์ ผู้สื่อข่าวอเมริกันฟุตบอลระดับตำนานฟันธงว่า จะเป็นม้ามืดของฤดูกาลนี้แล้ว ดูเหมือนว่าสาย AFC จะไม่มีทีมลุ้นแชมป์สายมากนัก
แต่ขณะที่สาย NFC นั้นถือว่าตรงกันข้าม เนื่องจากหลายทีมมีการเทรดผู้เล่นเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะทีมซีแอตเทิล ซีฮอว์กส์ ที่ได้ตัวเชลดอน ริชาร์ดสัน มาร่วมทีม หรือการหายจากอาการบาดเจ็บของ แคม นิวตัน ควอเตอร์แบ็กที่เคยพาทีมแพนเธอร์ส เข้าชิงซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 50 มาแล้ว ฤดูกาลนี้ก็มีหลายคนคาดว่าจะสามารถกลับมาโชว์ฟอร์มเก่งได้อีกครั้ง เช่นเดียวกับทีมดัลลัส คาวบอยส์ ที่ยังคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งในสายนี้ที่หลายคนมองข้ามไม่ได้เช่นกัน
โดยการฟันธงในเวลานี้ ปีเตอร์ คิงส์ ผู้สื่อข่าวอเมริกันฟุตบอลระดับตำนานมองว่าซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 52 จะเป็น นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ แชมป์สาย AFC มาพบกับ ซีแอตเทิล ซีฮอว์กส์ แชมป์สาย NFC
Photo: TOM PENNINGTON/AFP
แด็ก เพรสคอตต์ และ เอเซคีล เอลเลียต สองดาวรุ่งที่น่าจับตามอง
ฤดูกาลที่ผ่านมาทีมดัลลัส คาวบอยส์ ได้ 2 ดาวรุ่งพุ่งแรงมาร่วมทีม นั่นก็คือ แด็ก เพรสคอตต์ ควอเตอร์แบ็กวัย 24 ปี ที่มักจะประสานงานได้อย่างดีเยี่ยมกับ เอเซคีล เอลเลียต รันนิ่งแบ็กวัย 22 ปี ซึ่งเอลเลียตฤดูกาลแรกกับคาวบอยส์ ถือบอลวิ่งได้ทั้งหมด 332 ครั้ง โดยใน 322 ครั้งนั้นวิ่งได้รวม 1,632 หลา ซึ่งถือว่าเป็นสถิติวิ่งได้มากที่สุดในฤดูกาลที่ผ่านมา และยังมีสถิติวิ่งได้เฉลี่ยต่อ 1 ครั้งอย่างน้อย 5.1 หลา ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่ 3.3 หลา และในการวิ่งทั้งหมดได้เปลี่ยนเป็นทัชดาวน์ได้ 15 ครั้ง
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามองคือ เอเซคีล เอลเลียต ถูก NFL ตัดสินแบนถึง 6 เกมหลังจากที่มีข้อกล่าวหาว่า เอลเลียตทำร้ายแฟนสาว ซึ่งขณะนี้เขายังคงรอฟังคำตัดสินจากศาลรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ว่ามีความผิดจริงหรือไม่ ซึ่งหากศาลพบว่าไม่มีความผิด เอลเลียตจะสามารถลงแข่งขันได้ตั้งแต่เกมแรกในฤดูกาลนี้ แต่โทษแบน 6 นัดก็ขึ้นอยู่กับทาง NFL ว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
Mercedes-Benz Stadium
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าจับตามองในครั้งนี้คือการเปิดสนาม Mercedes-Benz Stadium สนามใหม่ของ แอตแลนตา ฟอลคอนส์ ซึ่งสามารถจุคนดูสำหรับอเมริกันฟุตบอลได้ 71,000 คน และสามารถจุคนดูสำหรับฟุตบอลของทีมแอตแลนต้า ยูไนเต็ด ในเมเจอร์ลีกฟุตบอลได้ถึง 42,000 คน และสนามแห่งนี้จะถูกใช้เป็นสนามสำหรับการแข่งขันซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 52 อีกด้วย
New time-lapse! ??
The roof has closed and it looks incredible!#MBStadium pic.twitter.com/UFBlKaY0XQ
— MercedesBenzStadium (@MBStadium) July 27, 2017
โดยสนามแห่งใหม่นี้เต็มไปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ตั้งแต่โทรทัศน์แบบ 360 องศา ที่มีความสูง 58 ฟุต และยาว 1,100 ฟุต เพื่อให้แฟนบอลได้รับชมวิดีโอไฮไลต์แบบครบทุกมุมของสนาม
นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญคือ สนามแห่งนี้มีเบียร์จำหน่ายถึง 1,263 แท็ป เพิ่มจากสนามเก่าที่มีเพียง 33 แท็ปเท่านั้น รวมถึงยังมี 24 บาร์และร้านอาหารภายในสนาม และที่สำคัญที่สุดคือ หลังคาขนาด 14.5 – a 14.5 เอเคอร์ ที่ใช้เวลาในการปิดหรือเปิดเพียง 11 นาทีเท่านั้น
CBS เจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดเตรียมทดลองเทคโนโลยีใหม่ในฤดูกาลนี้
ปิดท้ายกันที่การถ่ายทอดสด ซึ่งอเมริกันเกม (NFL, NBA, NHL และ MLB) ต่างก็ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของการถ่ายทอดสดการแข่งขัน แต่ในครั้งนี้ ทาง CBS เจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดเตรียมยกระดับประสบการณ์การรับชมการแข่งขันอีกครั้งด้วยการเตรียมทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการถ่ายทอดสด
“สิ่งที่สำคัญของเราในปีนี้คือการออกไปพูดคุยกับบริษัทที่มีนวัตกรรมต่างๆ และบอกว่าเรามาลองอะไรใหม่ๆ กันเถอะ มาทดลองใช้จริงเลย”
แฮโรลด์ ไบรอันท์ ผู้อำนวยการบริหารการผลิตของ CBS ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนถึงแผนการพัฒนาการถ่ายทอดสดในปีนี้
เทคโนโลยี Intel FreeD กับการใช้งานในเมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB)
หนึ่งในเทคโนโลยีใหม่ที่ได้จะนำมาใช้ในฤดูกาลนี้คือ Intel FreeD เทคโนโลยีการถ่ายทอดสดแบบ 360 องศา โดยนำกล้องความชัดระดับ 5K หลายร้อยตัวมาติดตั้งที่สนาม Baltimore, Houston และ San Francisco เพื่อช่วยให้แฟนกีฬาสามารถชมการแข่งขัน และการถ่ายทอดสดหลายมิติมากขึ้น
นอกจากนี้ CBS ยังได้ร่วมงานกับบริษัทกราฟิกอย่าง Vizrt, Adobe After Effects และ Maxon Cinema 4D เพื่อช่วยเสริมสร้างการออกแบบกราฟิกเพื่อให้แฟนกีฬาได้รับชมสถิติที่รวดเร็ว ทันสมัย และเข้าใจง่ายมากขึ้น โดยในฤดูกาลนี้ CBS ตั้งใจที่จะทดลองเพิ่มสถิติบนหน้าจอการถ่ายทอดสดแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยยกระดับการรับชมขึ้นไปอีก
Cover Photo: Timothy A. CLARY/AFP
อ้างอิง:
