ถึงจะพยายามทำตัวไม่ให้ตื่นเต้นนัก แต่หัวใจก็แอบเต้นระรัวไม่ได้เมื่อระยะห่างระหว่างผมกับเขามีเพียงแค่รั้วเหล็กกั้นกลาง
หากผมกล้าที่จะเอื้อมมือสักนิด ผมจะสามารถสัมผัสไหล่ของซูเปอร์สตาร์ลูกหนังชาวบราซิลที่นั่งหลบมุมระหว่างที่รอเพื่อนร่วมทีมอย่าง อาเดรียโน กอร์เรอา และอเล็กซิส ซานเชซ เล่นสนุกไปกับเกมจำลองสถานการณ์ฟุตบอล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเปิดตัวรองเท้าฟุตบอลรุ่นใหม่ของแบรนด์กีฬายักษ์ใหญ่จากอเมริกา
วันและเวลาล่วงมา 6 ปีแล้วครับจากวันนั้น แต่ผมยังจำแววตาที่ใสซื่อของเนย์มาร์ในวัย 21 ปี ที่เพิ่งจะย้ายมาร่วมทีมบาร์เซโลนาได้เป็นอย่างดี
สถานะอาจเป็นซูเปอร์สตาร์ แต่แววตาเขาเหมือนเด็ก เด็กที่ชอบเก็บตัวเล็กๆ มีความแอบเอาแต่ใจแต่ไม่ถึงกับมากเกินไป แต่พอสัมผัสได้ว่าเขาเป็นคนที่น่าจะมีความน่ารักและนิสัยดีคนหนึ่ง
รวมถึงเป็นคนที่มีพลังดึงดูด มีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด
น่าจะเป็นเพราะว่าเขาคือคนที่เกิดมาเพื่อเป็นซูเปอร์สตาร์ เป็นดาวจรัสแสงที่จะปรากฏตัวที่ใดก็สว่างไสว ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผมก็แอบคิดถึงเดฟ โคห์ล ตัวละครเอกของ Begin Again ภาพยนตร์ Musical Comedy-Drama ในดวงใจของใครหลายคนขึ้นมา
เช่นเดียวกับท่อนแรกของเพลง Lost Stars เพลงประกอบภาพยนตร์ในความทรงจำ
“Please don’t see just a boy caught up in dreams and fantasies”
ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเดฟและเกรตต้า (เจมส์) มีอันต้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะความเป็นสตาร์ในตัวโดยกำเนิดของเดฟ ที่ทำให้ระหว่างเขาและเธอต้องแยกห่างออกจากกัน
ความเป็นดวงดาราไม่เพียงแต่ทำให้เป็นที่ต้องตาของคนอื่น หากแต่ยังนำพาซึ่งผู้คนมากมายในชีวิต เรื่องราวสิ่งละอันพันละน้อยที่เกิดขึ้น
โดยที่เดฟเองก็ไม่รู้ตัวว่าเขาเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากมาย มากจนพอที่จะทำให้เกรตต้าตัดใจที่จะไม่หวนกลับไปฟื้นความสัมพันธ์กับคนที่เคยใช้ลมหายใจร่วมกันในตอนสุดท้ายของเรื่อง
เนย์มาร์เองก็เช่นกันครับ ความเป็นซูเปอร์สตาร์โดยธรรมชาติทำให้เขาเกิดมาเพื่ออยู่เหนือคนอื่น ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
ชื่อของเขาเป็นชื่อที่ชาวบราซิลทั้งประเทศรู้จักในฐานะ ‘ความหวังใหม่’ ของชาติ คนที่เกิดมาเพื่อจะลบล้างคำสาป ‘มาราคานาโซ’ คำสาปจากอัลซิเดส จิ๊กเกีย กองกลางทีมชาติอุรุกวัย ที่ทำลายงานปาร์ตี้ของคนบราซิลทุกคนด้วยการทำประตูชัยให้ทีมอัลบิเชเลสเต ล้มลา เซเลเซา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่สนามมาราคานาเมื่อปี 1950
ไม่ใช่โรบินโญ แต่เป็นเนย์มาร์ที่ถูกกำหนดมาเพื่อให้นำบราซิลคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกบนแผ่นดินเกิดของตัวเองในปี 2014 ให้ได้
ตั้งแต่วัยรุ่น เนย์มาร์จึงต้องแบกรับความคาดหวังอันกลายเป็นความกดดันที่หนักอึ้งในตัวมายาวนาน
โดยคนที่เจ้ากี้เจ้าการดูแลทุกเรื่องก็คือพ่อของเขา เนย์มาร์ ซีเนียร์ ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่ามันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในเวลาต่อมา
ปัญหาที่ปัจจุบันมีการวิเคราะห์กันว่าเนย์มาร์เป็น ‘เด็กที่ไม่รู้จักโต’ หรือในความเป็นจริงแล้วคือ ‘เด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้โต’
ย้อนกลับไปในปี 2013 ก่อนหน้าจะมาเยือนไทย เนย์มาร์เพิ่งจะบรรลุข้อตกลงในการย้ายมาร่วมเล่นให้กับบาร์เซโลนาได้ไม่นาน ซึ่งการย้ายมาคัมป์นูนั้นเป็นการตัดสินใจร่วมกันของหลายฝ่าย (ซึ่งในการย้ายทีมเองก็มีปัญหามากมาย เป็นหนึ่งในการเจรจาที่อื้อฉาวมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนังสมัยใหม่)
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับเขาครับ โดยเฉพาะการได้เล่นร่วมกับรุ่นพี่อย่างลิโอเนล เมสซี และหลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นแบบอย่างของนักฟุตบอลอาชีพที่ดี
ถึงจะมีเรื่องนอกสนามกวนใจบ้าง แต่ในสนามแล้วเนย์มาร์เป็นที่รักของแฟนๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมประวัติศาสตร์เมื่อปี 2017 ที่เขาช่วยให้บาร์เซโลนาพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเอาชนะปารีส แซงต์ แชร์กแมง 6-1 ในเกมยูเอฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก จนผ่านเข้ารอบได้อย่างน่าอัศจรรย์
แต่หลังจากนั้นเองที่ปัญหาเริ่มเกิด เมื่อเขามีความคิดบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป
จากบันทึกเรื่องเล่าของเหล่านักเขียนที่อยู่วงใน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเนย์มาร์เริ่มแข็งข้อไม่ยอมรับฟังคำสั่ง คำสอน คำตักเตือนจากพ่อ และนั่นนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ
อย่างแรก เขาต้องการจะหนีจากพ่อ อยากจะให้ทุกคนได้จดจำเขาในฐานะ ‘เนย์มาร์’ โดยไม่ต้องมีคำว่าจูเนียร์ต่อท้ายอีก
อย่างที่สองคือ แม้จะมีความสุขกับการได้เล่นเคียงข้างเมสซี รวมถึงหลุยส์ ซัวเรซ ในฐานะสามประสานที่อันตรายที่สุดในโลก ‘MSN’ แต่เนย์มาร์รู้สึกว่าเขาไม่สามารถจะทนอยู่ใต้เงาของเมสซีได้อีกต่อไป หากเขาต้องการจะก้าวไปสู่การเป็นนักเตะอันดับหนึ่งของโลก สถานะที่เขาและผู้คนอีกมากมายเชื่อว่าคือสิ่งที่คู่ควรกับพรสวรรค์ของเขา
เรื่องนี้ส่วนตัวผมว่าเข้าใจได้ มันเป็นความทะเยอทะยานที่จำเป็นสำหรับนักฟุตบอลในระดับนี้
และอย่างสุดท้ายคือเขาอยากดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง รวมถึงทีมงานบริวารทั้งหลาย
นั่นนำไปสู่การย้ายทีมที่สะเทือนโลกฟุตบอลอย่างรุนแรงที่สุด และผลกระทบของมันยังคงอยู่ในทุกวันนี้ครับ เมื่อเนย์มาร์หักด้ามพร้าด้วยเข่า ย้ายจากบาร์เซโลนาไปอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมง ด้วยการฉีกสัญญาที่มีมูลค่าสูงถึง 222 ล้านยูโร
แม้ว่าพ่อของเขาจะพยายามห้ามแล้วก็ตาม แต่ไม่สำเร็จ เนย์มาร์ยืนยันว่าเขาต้องการที่จะไป
น่าคิดนะครับว่าหากตัวเขารู้ว่าในอีก 2 ปีต่อมา เขาจะติดกับดักชีวิตตัวเอง และต้องอ้อนวอนใครก็ได้เพื่อช่วยพาเขากลับมาสู่จุดที่เขาควรจะอยู่อีกครั้ง เขาจะยังอยากย้ายทีมอีกไหม
เนย์มาร์รู้แล้วว่าการย้ายมาเปแอสเชเป็น ‘ความผิดพลาด’ และเขาต้องการที่จะกลับมาอยู่ในร่องในรอยให้ได้อีกครั้ง ก่อนที่จะเสียเกินไป เพราะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไป เขาอายุ 27 ปีแล้ว เป็นวัยที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของการเล่นฟุตบอลที่พร้อมทั้งกำลังกาย ประสบการณ์ และฝีเท้าที่ได้รับการขัดเกลา
เพียงแต่การจะทำเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายครับ อย่างที่บอกว่าเขาติดกับดักชีวิตตัวเองที่หากจะออกจากปารีสจริงก็ต้องมีค่าไถ่ตัวที่มากมายมหาศาล ซึ่งบนโลกใบนี้อาจจะเหลือเพียงแค่บาร์เซโลนา และเรอัล มาดริด ที่พอจะมีความสามารถจะไถ่ถอนตัวได้
แต่การจะลงทุนมากขนาดนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดหนักสำหรับทั้งสองสโมสรที่ใช้งบประมาณมหาศาลในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา อีกทั้งยังมีเรื่องของการวางตัว ความประพฤติของเนย์มาร์ที่น่าเป็นกังวล
ชื่อเสียงของเขากลายเป็น ‘ชื่อเสีย’ ที่ร่ำลือไปทั่ว ไม่ว่าจะในหมู่ของนักฟุตบอล ในหมู่ของสปอนเซอร์ และคนที่เคยได้ร่วมงานด้วย
เนย์มาร์ในวันนี้ไม่ใช่หนุ่มน้อยตาใสแบบที่เขาเคยเป็นในวันวานแล้ว เขาเป็นตัวแสบ เป็นวายร้าย เป็นคนที่ใครก็อยากจะหลีกเลี่ยง
แม้กระทั่งแฟนฟุตบอลเองก็ไม่อยากได้ตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นแฟนเปแอสเชเอง หรือแฟนบาร์ซาก็ตาม
ภาพของนักบอลจอมมายาที่พร้อมตบตาทุกคน การกลิ้งหลุนๆ หลายตลบทั้งๆ ที่คู่แข่งแทบไม่โดนตัว กลายเป็นภาพติดตัวไปเสียแล้ว
สำหรับเรื่องของเนย์มาร์ไม่ว่าจะจบอย่างไร ผมคิดว่าเป็นบทเรียนที่น่าศึกษาอย่างยิ่งครับ เพราะมิติของเรื่องราวนั้นกว้างและไกลกว่าเรื่องของฟุตบอล
มันคือเรื่องของชีวิต เรื่องของการอบรมเลี้ยงดู
บางทีพ่อของเขาก็อาจมีส่วนผิดที่ประคบประหงม เจ้ากี้เจ้าการมากเกินไปจนทำให้เนย์มาร์กลายเป็นเด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้โต
บางทีสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่ก็อาจมีส่วนผิดที่หล่อหลอมตัวเขาให้กลายเป็นคนแบบนี้
และแน่นอนตัวของเนย์มาร์เองก็มีส่วนผิดที่ทำตัวไม่ดี
สุดท้ายแล้วคนเดียวที่จะทำให้เขากลับมาได้ก็มีเพียงแค่ตัวของเขาเอง ที่หากได้โอกาสอีกครั้งก็ต้องพยายามรักษามันให้จงดี พิสูจน์คุณค่าของตัวเองผ่านการทำผลงานในสนาม ไม่ใช่ผ่านการโพสต์ Instagram Stories
ย้อนกลับไปในความทรงจำให้ได้ว่า อะไรคือเหตุผลที่เขาเลือกจะเล่นฟุตบอล
เพราะรัก
หรือเพราะอยากดัง?
“God, tell us the reason youth is wasted on the young
It’s hunting season and the lambs are on the run
Searching for meaning
But are we all lost stars, trying to light up the dark?”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
- ทิศทางข่าวล่าสุด เปแอสเชพร้อมพิจารณาข้อเสนอจากเรอัล มาดริดและบาร์เซโลนา โดยคาดว่าจะมีการพูดคุยกันอย่างจริงจังในการประชุม ECA ที่เมืองลิเวอร์พูลในวันนี้ โดยคาดว่าจะรู้เรื่องภายใน 48 ชั่วโมง
- ข้อเสนอก่อนหน้านี้ของบาร์เซโลนา เสนอฟิลิปป์ คูตินโญให้พร้อมกับเงิน 74 ล้านปอนด์ถูกปฏิเสธ และคาดว่าจะมีการยื่นข้อเสนอสุดท้าย ด้วยการเสนอคูตินโญพร้อมกับเนลสัน เซเมโด และฌอง-แคลร์ โตดิโบให้กับเปแอสเช
- เปแอสเชต้องการได้เงินจำนวน 206 ล้านปอนด์แบบเต็มจำนวนหากเนย์มาร์จะย้ายทีม
- เปแอสเชต้องการให้เนย์มาร์ย้ายไปเรอัล มาดริดมากกว่าบาร์เซโลนา โดยเป็นไปได้ที่อาจจะมีการแลกตัวกับแกเร็ธ เบล พร้อมเงินจำนวนหนึ่ง
- การเคลื่อนไหวของบาร์ซาเกิดจากการผลักดันของเมสซี ที่ต้องการได้เนย์มาร์กลับมาเล่นร่วมกัน ถึงขั้นมีการโทรกล่อมไม่ให้ยอมรับข้อเสนอของเรอัล มาดริด
- มีการวิเคราะห์ในทางลบว่าบาร์ซาอาจทำเอาใจเมสซี แต่สุดท้ายจะล้มการเจรจาทิ้งให้เนย์มาร์อยู่กับเปแอสเชต่อไป เป็นการเอาคืนที่เคยย้ายออกจากทีมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว