18 กรกฎาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวัน ‘เนลสัน แมนเดลา’ (Nelson Mandela) อดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของแอฟริกาใต้ที่มาจากการเลือกตั้ง ผู้ต่อสู้เพื่อสิทธิและความเสมอภาคของคนผิวสี และเจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ในปี 1993 โลกต่างรับรู้ว่ากว่า 27 ปี คือชะตากรรมที่เขาต้องถูกจองจำอยู่หลังกำแพงคุก
และเพื่อเป็นเกียรติแก่ชายผู้นี้ นานาชาติได้ร่วมกันประชุมถึงการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำแห่งสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง โดยตั้งชื่อข้อกำหนดนั้นว่า ‘ข้อกำหนดแมนเดลา’
ขณะที่ ‘ประเทศไทย’ โดยกรมราชทัณฑ์ ได้ผสานความร่วมมือกับสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) ประกาศขับเคลื่อนนำข้อกำหนดดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติเต็มรูปแบบแห่งแรกในโลก โดยได้เลือก ‘เรือนจำพิเศษธนบุรี’ เป็นเรือนจำนำร่อง ตั้งเป้าหมายเป็นเรือนจำต้นแบบในปี พ.ศ. 2561
คุกไทยแออัด คิกออฟใช้ ‘ข้อกำหนดแมนเดลา’
Imagine เพลงของนักร้องชื่อดัง จอห์น เลนนอน (John Lennon) ถูกขับร้องประสานเสียงโดยกลุ่มผู้ต้องขังหญิงเพื่อต้อนรับแขกผู้มาเยือน โดยบางท่อนของเนื้อหามีความหมายถึงการจินตนาการเพื่อการอยู่ร่วมกันของผู้คนบนโลกใบนี้
และนี่คือ ‘ก้าวแรก’ เมื่อเหยียบเข้ามายังพื้นที่คุก พื้นที่แห่งการจองจำอิสรภาพ ณ เรือนจำพิเศษธนบุรี ก้าวต่อไปคือการเข้าไปยังแดนคุมขังว่าจะเป็นไปอย่างที่บางคนจินตนาการหรือไม่ โปรดติดตาม
เราได้รับข้อมูลว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยประสบปัญหาเรือนจำแออัดจากจำนวนผู้ต้องขังที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีจำนวนผู้ต้องขังมากกว่า 286,000 คน ขณะที่ความจุเต็มที่รองรับได้ 245,000 คน ส่งผลต่อการบริหารจัดการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีความพยายามในการจัดการให้ได้มาตรฐาน ซึ่งล่าสุดได้ริเริ่มนำ ‘ข้อกำหนดแมนเดลา’ มาใช้ที่นี่
คำถามคือรายละเอียดของข้อกำหนดที่ว่านี้คืออะไร
นี่เป็นข้อกำหนดแห่งสหประชาติที่วางมาตรฐานขั้นต่ำในการบริหารจัดการเรือนจำที่ดี รวมทั้งวางมาตรฐานให้มีการเคารพสิทธิของผู้ต้องขัง มีหลักพื้นฐาน 5 ประการคือ
- ผู้ต้องขังพึงได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพต่อศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์
- ห้ามการทรมานหรือการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังด้วยความทารุณ
- ให้ปฏิบัติต่อผู้ต้องขังโดยคำนึงถึงความต้องการพื้นฐานโดยไม่เลือกปฏิบัติ
- วัตถุประสงค์ของเรือนจำ คือการคุ้มครองสังคมให้ปลอดภัยและลดการกระทำผิดซ้ำ
- ผู้ต้องขัง เจ้าหน้าที่ ผู้ให้บริการด้านต่างๆ ในเรือนจำ และผู้เข้าเยี่ยมต้องได้รับความปลอดภัยตลอดเวลา
“กรมราชทัณฑ์ได้ประสานความร่วมมือกับสถาบันทีไอเจ ประกาศขับเคลื่อนผลักดันเรือนจำธนบุรีให้เป็นต้นแบบ ‘ข้อกำหนดแมนเดลา’ เนื่องในโอกาสวันเนลสัน แมนเดลา 18 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นข้อกำหนดขั้นต่ำของสหประชาชาติในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังสู่การปฏิบัติเต็มรูปแบบเป็นแห่งแรกในโลก โดยเรือนจำพิเศษธนบุรีเป็นเรือนจำนำร่อง ซึ่งตั้งเป้าเป็นเรือนจำต้นแบบในปี 2561 เพื่อจะมีส่วนเอื้ออำนวยต่อการกลับไปใช้ชีวิตในสังคมหลังพ้นโทษ และช่วยลดปัญหาการกลับมากระทำผิดซ้ำอีก” นายอายุตม์ สินธพพันธ์ุ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
ภายใต้แนวทางดังกล่าวได้มีการดำเนินงานมาก่อนหน้าบ้างแล้ว และกรมราชทัณฑ์ได้มีการก่อสร้างศูนย์เตรียมความพร้อมก่อนปล่อยภายในเรือนจำและทัณฑสถานเปิดจำนวน 17 แห่งทั่วประเทศ และบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานต่างๆ ในการทำงานร่วมกับศูนย์นี้
ส่อง ‘เรือนจำพิเศษธนบุรี’ คุกไทยนำร่อง มาตรฐานสากล
เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นความพร้อม และนำไปสู่การปฏิบัติที่ชัดเจน นายยศพนต์ สุธรรม ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษธนบุรี ได้พาเราไปเยี่ยมชมเรือนจำพิเศษแห่งนี้ ซึ่งเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2537
แต่ก่อนที่เราจะก้าวเท้าผ่านเข้าไปดูบรรยากาศหลังกำแพงคุกแห่งนี้ ต้องปฏิบัติตามกฎคือฝากทรัพย์สินและโทรศัพท์ไว้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนจะผ่านด่านตรวจเข้มลูบคลำร่างกายหาสิ่งผิดปกติอีกครั้ง และต่อไปนี้คือบรรยากาศของ ‘คุกธนบุรี’
แดนแรกที่เราได้ไปคือ แดนแรกรับและเรือนพยาบาล สำหรับผู้ต้องขังใหม่ที่ต้องรับโทษหลังศาลมีคำพิพากษา เพื่อให้มีการปรับตัวและรอจำแนกแดนขังต่อไป ขณะที่แดนนี้ หากมีผู้ต้องขังเจ็บป่วยไม่สบายก็จะมารับการรักษาที่นี่ มีจำนวนผู้ต้องขังรวมกันกว่า 1,300 คน
ต่อมาคือแดนแห่งการเรียนรู้ เป็นแดนที่มีสิ่งที่น่าสนใจจำนวนมากให้ผู้ต้องขังได้ฝึกฝนตัวเองและหาความรู้ในด้านต่างๆ มีศิลปะไทยแขนงต่างๆ อย่างงานหัตถกรรมแกะสลัก ประติมากรรม การเย็บเสื้อหุ่นกระบอก ซึ่งนำครูจากวิทยาลัยในวังที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ มาสอนเป็นช่วงๆ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์
รายได้จากงานศิลปะแต่ละชิ้น เมื่อถูกหักค่าใช้จ่ายแล้วก็จะนำมาปันผลแบ่งกับผู้ต้องขัง นอกจากนี้ยังมีการแสดงโขนและดนตรีไทย แม้จะเป็นเรือนจำชาย แต่การแสดงโขนก็มีทั้งตัวพระและตัวนางครบครัน
แดนสุดท้ายที่ได้เข้าไปเยี่ยมชมคือแดนครัว แดนที่มีหน้าที่ในการทำอาหารเลี้ยงผู้ต้องขังถึง 5,000 คนต่อวัน ใช้เนื้อวันละประมาณ 400 กิโลกรัม และมีหม้อประกอบอาหารที่แยกไว้สำหรับทำอาหารฮาลาลโดยเฉพาะ มีความสะอาดและจัดระบบค่อนข้างดี
เคลื่อนตัวมาอีกหน่อยจะเป็นส่วนของเบเกอรี ที่มีการอบขนมสไตล์ฝรั่งและขนมไทย นำไปขายส่งบริเวณร้านกาแฟหน้าเรือนจำด้วย โดยยอดขายวันหนึ่งอยู่ที่ 2-3 หมื่นบาท
ดร. กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) กล่าวว่า “เชื่อมั่นว่าประเทศไทยสามารถจะเป็นเรือนจำต้นแบบได้ หลังจากได้พูดคุยกับตัวแทนของสหประชาชาติ ระบุว่าในอาเซียนยังไม่มีประเทศไหน มีเรือนจำต้นแบบเลย สหประชาชาติมีความคาดหวังอยากจะให้ไทยเป็นเรือนจำต้นแบบให้เร็วที่สุด เพื่อให้เป็นรูปแบบของข้อกำหนดแมนเดลาอย่างจริงจัง”
ความเป็นอยู่ของเรือนจำที่พยายามให้ได้รับมาตรฐานแมนเดลาอาจจะเปลี่ยนภาพจำในด้านลบของเราที่มีต่อคุกไปได้บ้าง แต่การแก้ไขปัญหาก็ต้องทำอย่างจริงจัง
และคงจะดีถ้าเรือนจำอื่นๆ ของไทยจะสามารถเดินตามอย่างเรือนจำพิเศษทั้งในด้านความเป็นอยู่ หรือการส่งเสริมให้คนมีทักษะและนำไปต่อยอดในการสร้างอาชีพ เพื่อให้สังคมพัฒนา และเป็นแสงสว่างหรือเครื่องมือให้ผู้ที่เคยผิดพลาดได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แต่ความรู้สึกของเราภายหลังการเดินออกจากโลกหลังกำแพงคุกนั้นคือ
“อิสรภาพเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของมนุษย์ทุกคน”
อ้างอิง:
- รายงานของสหพันธ์เพื่อสิทธิมนุษยชนสากล (FIDH) แจกแจงว่า เรือนจำในไทยมีปัญหาอาคารที่พักแออัด พื้นที่นอนคับแคบ สุขอนามัยไม่ดีเพียงพอ อาหารแย่ และน้ำดื่มไม่สะอาด การรักษาพยาบาลไม่เพียงพอต่อความต้องการ
- สถิติของกรมราชทัณฑ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2560 พบว่า มีผู้ต้องขังทั้งหมด 289,675 คนในเรือนจำ 199 แห่งทั่วประเทศ สัดส่วนของพนักงานเจ้าหน้าที่กับผู้ต้องขังอยู่ที่ 1 ต่อ 27 คน