×

โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แชมป์วิมเบิลดัน 8 สมัย ผู้ก้าวข้ามจาก Great Player ไปสู่ Greatest of All Time

17.07.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

7 Mins. Read
  • รเจอร์ เฟเดอเรอร์ ตอกย้ำความเป็นที่สุดของวงการเทนนิสชาย ด้วยการคว้าแชมป์วิมเบิลดันสมัยที่ 8 ซึ่งเป็นแกรนด์สแลมสมัยที่ 19 มากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยอันดับที่ 2 คือ ราฟาเอล นาดาล ที่คว้าไป 15 ครั้ง
  • เฟเดอเรอร์เคยขึ้นสู่จุดสูงสุดเมื่อปี 2004  โดยตีคู่มากับกับ ราฟา เอล นาดาลคู่อริของเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก่อนจะถึงยุคบิ๊กโฟร์ที่โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสชาวเซอร์เบีย และแอนดี เมอร์เรย์ ก้าวขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ของเขาในปี 2009
  • เฟเดอเรอร์เลือกที่จะใช้เวลา 6 เดือนอยู่กับครอบครัวเพื่อค้นหาความสุขอย่างอื่นในชีวิต และเติมพลังความกระหายความสำเร็จ โดยมีเป้าหมายหลักคือแชมป์วิมเบิลดันสมัยที่ 8 ในปีนี้
  • นักสู้เกิดมาพร้อมกับความกระหายความสำเร็จ แต่มีเพียงนักสู้ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นที่ไม่มีวันหมดความกระหาย และวันนี้เฟเดอเรอร์ ก็ได้ยืนยันเขาจะกลับมาป้องกันแชมป์วิมเบิลดันอีกครั้งในปี 2018

     นักข่าวกีฬาหลายคนเริ่มหมดมุกในการเขียนข่าวเกี่ยวกับความยิ่งใหญ่ ความสำเร็จ หรือการสร้างแรงบันดาลใจจากนักเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากเรื่องราวเหล่านั้นได้ถูกบรรยายไปหมดแล้วกับนักเทนนิสแห่งยุคโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นักเทนนิสชาวสวิตเซอร์แลนด์ที่คว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง และดูจะไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้ แต่แล้วเขาก็สร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราอีกครั้ง

     ย้อนไปเมื่อปี 2003 ฮีโร่ของเราเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่งจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ก้าวเข้าสู่เวทีชั้นนำของเทนนิสด้วยทรงผมแบบโพนีเทล หรือมัดจุก พร้อมกับรอยยิ้มเชยๆ แต่กลับสร้างเสียงเชียร์อย่างไม่น่าเชื่อ ณ ออล อิงแลนด์ คลับ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อเขาเอาชนะมาร์ค ฟิลิปปุสซิส ในรอบชิงชนะเลิศไปได้ 3 เซตรวด และคว้าแชมป์วิมเบิลดันสมัยแรกของเขา และสมัยแรกของนักเทนนิสสวิตเซอร์แลนด์ไปครอง

     13 ปีต่อมา เขาก็ได้ยืนอยู่หน้าทำเนียบแชมป์เทนนิสวิมเบิลดัน เทนนิสแกรนด์สแลม รายการที่เก่าแก่ที่สุดอีกครั้ง พร้อมกับการสลักชื่อโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ของเขาลงเป็นครั้งที่ 8 ในระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเขาเข้าชิง 11 ครั้งเป็นที่เรียบร้อย เป็นอีกครั้งที่เขาทำลายสถิติของพีต แซมพราส ยอดนักเทนนิสชาวอเมริกันซึ่งเคยคว้าแชมป์รายการนี้ไว้ 7 ครั้ง

     สำหรับกีฬา เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเป็นเรื่องของยุคสมัย จากยุคเก่าสู่ยุคใหม่ย่อมมีคลื่นลูกใหม่กระทบฝั่ง และดันคลื่นลูกเก่าจางหายไปกับทะเลที่นับวันยิ่งจะดุร้ายและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็มีบางครั้งที่มีคนฝืนธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงได้

เพราะผมต้องการเป็นพ่อ สามีที่ดี และเป็นคนที่สามารถกลับมาเล่นกีฬาได้อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจให้ร่างกายของผมได้พัก

Photo: Karim Jaafar/AFP

 

จุดเริ่มต้นสู่มือหนึ่งของโลก

     โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ก้าวขึ้นสู่มือหนึ่งของโลกในปี 2004 หลังจากคว้าแชมป์แกรนด์ 3 รายการ ในปีเดียว แต่วันหนึ่งเขาก็ถูกความเปลี่ยนแปลงเล่นงานไม่ต่างจาก ตอนที่เขาขึ้นมาใหม่ๆ นั่นคือราฟาเอล นาดาล เด็กหนุ่มไฟแรงจากสเปนที่มีพละกำลังมหาศาลขึ้นมาเขย่าบัลลังก์ที่เขาเพิ่งครอบครองได้ไม่นาน ด้วยการเอาชนะเฟเดอเรอร์ในรอบรองชนะเลิศ เฟรนช์ โอเพ่น เมื่อปี 2005

     Rivalry หรือการเป็นคู่อริของทั้งสอง ได้มอบความประทับใจของเทนนิสระดับโลกให้กับแฟนกีฬา โดยปี 2006 ถือว่าเป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตของเฟเดอเรอร์ ด้วยการคว้าแชมป์แกรนด์สแลม 3 รายการ และเข้าชิงอีกหนึ่งรายการ ซึ่งเขาแพ้ให้กับคู่อริ ราฟาเอล นาดาล ในปีนั้น แต่ก็กลับมาเอาชนะนาดาลได้ในคอร์ตที่เขาถนัด ซึ่งก็คือคอร์ตหญ้าที่วิมเบิลดัน

     ระหว่างปี 2006 ถึง 2009 เฟเดอเรอร์คว้าแชมป์แกรนด์สแลมอย่างต่อเนื่อง จนในปี 2009 เขาคว้าแชมป์เฟรนช์ โอเพ่น และวิมเบิลดันได้สำเร็จจนทำให้คว้าแชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดตลอดกาลที่ 15 ครั้ง ทำลายสถิติของพีต แซมพราส ที่ทำไว้ 14 ครั้ง ต่ไม่นานนักก็มีผู้ท้าชิงคนใหม่ก้าวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

 

ยุคของบิ๊กโฟร์

     ความท้าทายของการเป็นที่หนึ่งคือ คุณไม่สามารถรู้ได้ว่าเมื่อไรจะมีคนมาแทนที่คุณ แต่ครั้งนั้นเฟเดอเรอร์ต้องเจอผู้ท้าชิงใหม่ถึง 3 คน ศัตรูเก่าอย่างนาดาลยังคงโชว์ฟอร์มเยี่ยม ขณะที่นักเทนนิสรุ่นใหม่ไฟแรงอย่างโนวัค ยอโควิช และแอนดี เมอร์เรย์ ขวัญใจชาวบริติช ก็กัดกินพื้นที่แชมป์และพื้นที่สื่อของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดคืออาการบาดเจ็บที่หลังของเขาในปี 2013

     จนสุดท้ายเขาก็ไม่สามารถคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้อีกเลย และดูเหมือนว่าเวลาในสนามของเขากำลังจะหมดไปในปี 2016 หลังการแข่งขัน วิมเบิลดัน ซึ่งเขาประสบความพ่ายแพ้ครั้งแรกในรอบรองชนะเลิศให้กับ มิลอส ราโอนิค หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจพักถึง 6 เดือนเพื่อไปค้นหาตัวตนของแชมเปี้ยนที่หายไป และเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า

 

Photo: Carl Court/AFP

 

Back to the Future

     แสงสว่างแรกแห่งปี 2017 เริ่มต้นขึ้นที่แรกของโลกที่กิสบอร์น นิวซีแลนด์ ก่อนจะไล่มาจนถึงแดนจิงโจ้ ทวีปออสเตรเลีย ซึ่งเป็นการแข่งขันเทนนิสแกรนด์สแลมแรกของปีเมื่อเดือนมกราคม

     เฟเดอเรอร์ตัดสินใจกลับมาลงเล่นอีกครั้งในวัย 35 ปี ในฐานะมือวางอันดับ 17 ของรายการ ซึ่งเซอร์ไพรส์หลายคน เนื่องจากเฟเดอเรอร์กลายเป็นคนละคนกับเกมที่เขาแพ้มิลอส ราโอนิค ในรายการวิมเบิลดันเมื่อปี 2016

    ครั้งนี้เฟดเอ็กซ์กลับมาพร้อมกับความเลือดเย็น เขาพุ่งทะยานสู่รอบชิง แต่ขณะเดียวกันแฟนๆเทนนิสก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะคู่แข่งที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาส่งตรงมาจากแดนกระทิงดุ ซึ่งเป็นคู่ปรับเก่าตลอดกาลของเขาอย่างราฟาเอล นาดาล ถือเป็นการย้อนอดีตมาเจอกันอีกครั้งในสถานการณ์ที่พวกเขาคุ้นเคยรอบชิงชนะเลิศ

    การต่อสู้เกมนั้นเป็นไปอย่างดุดัน เพราะทั้งคู่ได้จัดเทนนิสได้ไม่ต่างกับคอนเสิร์ตย้อนยุค ที่นักร้องอย่าง Eagles กลับมาร้อง Hotel California ได้ไม่ต่างกับเวอร์ชันในเทปหรือซีดีที่ฟังกันจนคุ้นหู แต่สุดท้ายก็เป็นเฟเดอเรอร์ที่เอาชนะไปได้ 3-2 เซต คว้าแชมป์แกรนด์สแลมสมัยที่ 18 ไปครอง กลับคืนสู่เส้นทางที่เขาคุ้นเคย หลังจากที่แวะพักนานถึง 6 เดือน

 

การคืนชีพของเฟดเอ็กซ์

    แต่การกลับมาครั้งนี้ เฟเดอเรอร์ได้เข้าใจบทเรียนของความสำเร็จเป็นอย่างดี เขาตัดสินใจที่จะงดลงแข่งขันฤดูกาลคอร์ตดิน เฟรนช์ โอเพ่น รายการที่ 2 ของปี ให้ราฟาเอล นาดาล คู่อริของเขาได้อาละวาดให้เต็มที่ และเป็นการส่งสัญญาณว่านี่คือสนามของคุณ แต่สนามหน้าที่วิมเบิลดัน เราค่อยเจอกัน

    เฟเดอเรอร์กลับมาลงแข่งขันอีกครั้งในรายการสตุ๊ตการ์ท โอเพ่น จนมาถึงวิมเบิลดัน เทนนิสแกรนด์สแลมรายการที่เก่าแก่ที่สุด และสนามที่เขาคุ้นเคยที่สุด

    เฟเดอเรอร์พกทั้งรอยยิ้มและการให้สัมภาษณ์แบบเป็นกันเองกับนักข่าวตลอดการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็แสดงความดุดันในสนามตลอดรายการ จนไม่เสียเซตเลยแม้แต่ครั้งเดียว และเข้าสู่รอบชิงสมัยที่ 11 ได้สำเร็จ

 

Photo: Jack Gues/AFP

 

Greatest of All Time

    ก่อนการแข่งขัน หลายคนได้คาดเดาไว้ว่าเฟเดอเรอร์จะใช้เวลาไม่เกิน 4 เซตในการคว่ำมารีน ซิลิช คู่แข่งมือ 6 ของโลกชาวโครเอเชีย แต่สุดท้ายเขาก็พลิกล็อกทำได้ภายใน 3 เซตรวด 6-3, 6-1 และ 6-4 คว้าแชมป์สมัย 8 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ท่ามกลางน้ำตาแห่งความสำเร็จ

    หลังจบการแข่งขัน เขายอมรับว่า 6 เดือนที่หายไปนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีมากสำหรับเขา เนื่องจากเขามีโอกาสได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จนอกสนาม ซึ่งเขาได้ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการแข่งขันที่วิมเบิลดันว่า เวลาพักช่วงนั้นเป็นสิ่งที่เขาต้องการมาก

    “ผมดีใจที่ได้พักช่วงนั้น เพราะชีวิตผมจะดำเนินต่อไปแม้ไม่ได้แข่งขันเทนนิสแล้ว และนั่นคือสิ่งที่สำคัญมากกว่าการลงแข่งขันในเวลานี้ เพราะผมต้องการเป็นพ่อ สามีที่ดี และเป็นคนที่สามารถกลับมาเล่นกีฬาได้อีกครั้ง ผมจึงตัดสินใจให้ร่างกายของผมได้พัก

    “ผมดีใจมากที่ทุกอย่างออกมาดี เพราะผมเริ่มกังวลว่าผมอาจจะไม่ได้กลับมาเล่นที่สนาม เซ็นเตอร์คอร์ต ที่วิมเบิลดันอีกแล้ว”

    ในบางครั้งนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่มักจะถูกตั้งคำถามกับความสำเร็จในภาพรวม โดยนักกีฬาระดับโลกหลายคนประสบความสำเร็จในสนาม แต่ล้มเหลวเมื่อเดินผ่านสนามหญ้าเข้าสู่บ้านของตัวเอง แต่วันนี้เฟเดอเรอร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จที่แท้จริงคือการบริหารจัดการเวลาให้กับสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตควบคู่ไปกับหน้าที่การงาน วันนี้เขาได้รับเกียรติยศในสนามอีกครั้ง พร้อมกับครอบครัวของเขาที่พร้อมหน้ากันมาให้กำลังใจในสนาม

    ขณะเดียวกัน เฟเดอเรอร์ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของหนึ่งในนักกีฬาเทนนิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล นั่นคือความกระหายความสำเร็จอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งมักจะเป็นตัวชี้วัดระหว่าง Great Player หรือ Greatest of All Time

    เฟเดอเรอร์แสดงความกระหายด้วยการยืนยันแล้วว่าเขาจะกลับมาป้องกันแชมป์วิมเบิลดันให้ได้ในปี 2018

    เขาอาจจะเป็นนักเทนนิสที่ดีที่สุดที่โลกเคยมีก็เป็นได้

 

Cover Photo: STF/AFP

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising