วันนี้ (16 มิ.ย.) เวลา 21.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ แนะนำตัวกับสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ ณ สนามเดนดริฟ โอเอชแอล ประเทศเบลเยียม หลังเข้าซื้อหุ้น เอาด์ เฮเวอร์เลย์ เลอเวน (โอเอชแอล) สโมสรฟุตบอลจากลีก ดิวิชัน 2 ของเบลเยียม ก่อนจะเทกโอเวอร์เป็นทีมของตัวเอง หลังจากที่เคยซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี 2010
อัยยวัฒน์เผยถึงสาเหตุการเข้าซื้อสโมสรโอเอชแอลว่า เนื่องจากเป็นสโมสรที่มุ่งมั่นและมีศักยภาพในการลงทุนด้านบุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับแฟนบอลในพื้นที่ และยืนยันว่าคิง เพาเวอร์ มีเป้าหมายจะพาสโมสรแห่งนี้ก้าวขึ้นสู่ลีกสูงสุดของเบลเยียม
คำถามคือ ทำไมคิง พาวเวอร์ ถึงต้องซื้อสโมสรดิวิชัน 2 ของเบลเยียม?
‘ขยายฐานลูกค้า – ดึงตัวนักเตะ’ ปัจจัยสำคัญของการซื้อสโมสรที่สอง
หากมองในมุมการตลาด การซื้อกิจการมักจะมีจุดประสงค์หลักในเชิงธุรกิจ เพื่อขยายฐานลูกค้าและไลน์สินค้า รวมถึงเป็นการยกระดับแบรนด์ (เจ้าของธุรกิจที่ซื้อกิจการ) ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับสากล
สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ประจำฤดูกาล 2015-2016
คิง เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จสูงสุดหลังบริหารทีมเลสเตอร์ ซิตี้ จนก้าวขึ้นสู่แชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015/2016 นอกจากจะสร้างชื่อเสียงให้นักเตะและทีมงานแล้ว ยังเป็นการเปิดพื้นที่ ‘สื่อ’ ทั่วโลกในการลงบทวิเคราะห์และทำความรู้จักบริษัทจากประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม โมเดลการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลหลายสโมสรนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานในโลกฟุตบอล
The Telegraph สำนักข่าวจากประเทศอังกฤษวิเคราะห์ว่า หนึ่งในสาเหตุที่คิง เพาเวอร์ เข้าเทกโอเวอร์สโมสรในเบลเยียมจะช่วยพัฒนาสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ให้แข็งแกร่งขึ้นด้วยสัญญายืมตัว และช่วยเปิดโอกาสให้เข้าถึงนักเตะคุณภาพของเบลเยียม (ซึ่งที่ผ่านมาสามารถผลิตนักเตะระดับโลกออกมาได้อย่างต่อเนื่อง)
เหมือนกับที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นพันธมิตรกับรอยัล อันท์เวิร์ป (สโมสรในลีกสองของเบลเยียม) โดยให้ยืมตัวนักเตะไปพัฒนาฝีเท้าในลีกเบลเยียม
หรืออาร์เซนอล กับเบเวอเรน (อดีตสโมสรในลีกของเบลเยียม) ที่ดึงตัวนักเตะอย่างเอ็มมานูเอล เอบูเอ มาใช้งาน
หรือแม้กระทั่งเชลซี ที่ได้ส่งผู้เล่นแบบยืมตัวเพื่อพัฒนาฝีเท้ากับแซงต์-ทรุยด็อง สโมสรฟุตบอลในลีกเบลเยียมเช่นกัน
การซื้อสโมสรฟุตบอลยุโรปจะช่วยพัฒนาฟุตบอลไทยแค่ไหน
ประเด็นนี้ THE STANDARD ได้สัมภาษณ์ พาทิศ ศุภะพงษ์ รองเลขาธิการฝ่ายต่างประเทศ และโฆษกประจำสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ว่า กรณีกลุ่มทุนเข้าซื้อสโมสรในยุโรปจะช่วยพัฒนาฟุตบอลในประเทศหรือไม่
พาทิศกล่าวตรงไปตรงมาว่า เขายังไม่เห็นแผนพัฒนาฟุตบอลในประเทศที่ชัดเจนจากกลุ่มทุนที่เป็นเจ้าของสโมสรในยุโรป
“การซื้อกิจการส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อธุรกิจ คือขยายไลน์ธุรกิจของเจ้าของ แต่เจ้าของแต่ละท่านก็อยากให้คนไทยรู้ว่าตัวเองก็อยากจะส่งเสริมวงการฟุตบอลไทยเช่นกัน แต่การส่งเสริมฟุตบอลไทยโดยตรงยังไม่เกิดผล 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเรายังไม่สามารถเอานักเตะไทยไปเล่นที่ยุโรปได้ทันที
“เนื่องจากลีกต่างๆ ในยุโรปมีพัฒนาการห่างไกลจากเราเป็นร้อยปี ถ้าจะเอาเด็กของเราไปเล่นเลยคงยาก”
บอลไทยจะได้ประโยชน์จากการมีคนไทยเป็นเจ้าของทีมยุโรปได้อย่างไร
พาทิศยกตัวอย่างแอสไปร์ อะคาเดมี ของกาตาร์ ที่ใช้วิธีซื้อสโมสรในลีกรองของสเปนหลายๆ สโมสร เพื่อให้นักฟุตบอลในอะคาเดมีตัวเองได้ไปเล่นที่นั่น
“นี่เป็นแนวทางที่ดี” พาทิศให้ความเห็น
“เพราะการให้เด็กจากอะคาเดมีไปอยู่ในการแข่งขันระดับสูงมันได้ประโยชน์
“ถ้ามีการซื้อและมีการต่อท่อให้นักเตะไทยไปเล่นสโมสรล่างๆ ในยุโรป อันนี้น่าจะเริ่มเห็นชัดว่าการเทกโอเวอร์สโมสรจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาฟุตบอลไทยโดยตรง”
ปัจจุบันมีสโมสรฟุตบอลในเอเชียเริ่มก้าวเข้ามาเป็นเจ้าของสโมสรและเป็นผู้สนับสนุนหลักในสโมสร หรือแม้กระทั่งลีกการแข่งขันยุโรปมากขึ้น
โดยเฉพาะบริษัทผู้ผลิตหลอดไฟ LED สัญชาติจีนอย่าง Ledman ที่เซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ ‘ลีกา 2’ (ลีกสองของโปรตุเกส) โดยมีข้อกำหนดว่า สโมสร 10 อันดับแรกในลีกต้องมีผู้เล่นจีนในทีมอย่างน้อย 1 คน และส่งผู้ช่วยโค้ชจีนไปฝึกวิชาในลีกรองของโปรตุเกส ส่งผลให้นักเตะจีน (รวมถึงผู้ช่วยโค้ช) มีโอกาสได้ลงสัมผัสเกมในระดับลีกอาชีพของยุโรป
แม้การเทกโอเวอร์สโมสรในเบลเยียมของคิง เพาเวอร์ ครั้งนี้จะยังไม่มีแผนที่ชัดเจนในการพัฒนาฟุตบอลไทย
แต่เราเชื่อว่า จากการลงทุนในธุรกิจฟุตบอลในยุโรปที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้วันหนึ่งเราอาจจะได้เห็นแผนพัฒนาวงการฟุตบอลไทยที่ชัดเจนมากขึ้น จากกลุ่มทุนไทยที่เป็นเจ้าของสโมสรในยุโรปในอนาคต
Photo: AFP
อ้างอิง:
– www.ft.com/content/2567291c-2f89-11e7-9555-23ef563ecf9a?mhq5j=e2