×

คุม ‘ท่าเรือ’ นัดแรกพ่ายยับ! ‘ซิโก้’ กับบทพิสูจน์ในฐานะโค้ชสโมสรที่ต้องทำให้เห็น

26.06.2017
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 mins read
  • ซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ประเดิมคุมทีมการท่าเรือ เอฟซี ด้วยความพ่ายแพ้ให้กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ไป 0-3
  • การคุมทีมท่าเรือ เอฟซี ซึ่งขณะนี้อยู่อันดับที่ 8 ของไทยลีกถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญต่อเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาคุมทีมชาติไทย
  • ซิโก้ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความคาดหวังของแฟนบอลสัปดาห์ต่อสัปดาห์ และต้องพิสูจน์ตัวเองในเวทีนี้อีกครั้งหลังจากที่เคยคุมทีมมาหลายสโมสรและยังไม่ประสบความสำเร็จ

     อาจเป็นภาพที่ไม่คุ้นเคยสำหรับแฟนบอลหลายคนที่เริ่มต้นรู้จัก โค้ชซิโก้-เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย เมื่อเขาก้าวลงสนามแพตสเตเดียมในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรฟุตบอลอีกครั้ง เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังห่างหายจากตำแหน่งนี้กว่า 5 ปี ตั้งแต่คุมทีมบางกอก เอฟซี เมื่อ พ.ศ. 2555

     แต่หลังจากเข้าคุมทีมได้เพียง 2 วัน ซิโก้ก็ต้องรับศึกหนักด้วยการเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ‘แข้งเทพ’ แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งผลการแข่งขันทีมเยือนก็บุกมาชนะไป 3-0 ทำให้ซิโก้ประเดิมเกมแรกได้ไม่ดีนัก และส่งผลให้ทีมการท่าเรือ เอฟซี ตกไปอยู่อันดับที่ 8 ของตาราง มี 28 คะแนน ตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงอยู่ 15 คะแนน

     โดยหลังเกมซิโก้ให้สัมภาษณ์ว่า ไทยลีกในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเก็บชัยชนะได้ รวมถึงผลงานในเกมนัดแรกนั้นแสดงให้เห็นงานหนักของสโมสรแห่งนี้ที่รอเขาอยู่ข้างหน้า

 

 

มอง ‘ซิโก้’ ก่อนมาคุมท่าเรือ เอฟซี  

     ซิโก้ได้รับคำวิจารณ์อย่างหนักในช่วงท้ายของการคุมฟุตบอลทีมชาติไทย ในเรื่องของการเลือกใช้นักเตะหน้าเดิมๆ และการแก้เกมระหว่างการแข่งขันที่ทีมชาติไทยพบกับมหาอำนาจของเอเชียในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย ซึ่งผลออกมา ซิโก้สามารถเก็บได้เพียง 1 คะแนนจากการลงแข่งขัน 7 นัด

     แต่สาเหตุหลักของการเลือกใช้นักเตะหน้าเดิมของซิโก้คือ ความคุ้นเคย ซึ่งเป็นระบบที่คล้ายกับบาร์เซโลนาในยุคทอง โดยเลือกนักฟุตบอลเยาวชนก้าวขึ้นมาติดชุดใหญ่พร้อมกันทั้งหมด ซึ่งซิโก้ก็ได้เปลี่ยนแปลงทีมชาติไทยด้วยการนำทีมชุดใหม่ขึ้นมาจากเยาวชน จนสามารถพาทีมชาติไทยทวงความเป็นเจ้าอาเซียนได้อีกครั้ง

     แชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2 สมัย และอันดับ 4 ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ คือผลงานที่การันตีฝีมือของซิโก้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งในเวลานั้นโค้ชซิโก้ถือเป็น ‘The Right man for the right job’ และเป็นบุคคลที่ช่วยกอบกู้วิกฤตศรัทธาของฟุตบอลไทย

     จุดเด่นที่เราเห็นได้ชัดจากการทำงานของซิโก้ระหว่างการคุมทีมชาติคือ ความไหลลื่นของเกมรุกและการสร้างนักเตะให้เป็น ‘สุภาพบุรุษลูกหนัง’ รวมถึงการวางตัวเพื่อบริหารความคาดหวังของแฟนบอล แต่สุดท้ายผลงานในสนามที่ไม่หวือหวา ก็สร้างเสียงวิจารณ์ซิโก้อย่างหนักจนสุดท้ายเขาต้องตัดสินใจลาออกจากการเป็นกุนซือทีมชาติไทย

 

ชนะไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ สถิติคุมสโมสรของซิโก้ และบทพิสูจน์ที่ต้องทำให้ได้

     สถิติการคุมทีมสโมสรของซิโก้ที่ผ่านมา เขาเคยคุมทีมฮหว่างอัญซาลาย ในเวียดนาม บีบีซียู เอฟซี ถึง 2 ครั้ง ชลบุรี เอฟซี และบางกอก เอฟซี ก่อนจะได้คุมทีมชาติไทยในปี 2556

     สถิติการคุมทีมสโมสรที่ผ่านมากับบีบีซียู เอฟซี เมื่อปี 2554-2555 ผลปรากฏว่า ลงเล่น 49 นัด เขาเก็บชัยชนะไปได้เพียง 21 นัด แพ้ 14 และเสมอ 14 หรือเก็บชัยชนะได้เพียง 42.86 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

     ส่วนผลงานกับบางกอก เอฟซี ในปี 2555 คุมทีม 21 นัด ชนะ 7 เสมอ 5 แพ้  9 โดยเก็บชัยชนะได้เพียง 33.33 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

     เมื่อซิโก้มาคุมทีมการท่าเรือ เอฟซี ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียง และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย มีแฟนบอลเหนียวแน่น รวมถึงมีประธานสโมสรที่ทุ่มเทอย่าง มาดามแป้ง-นวลพรรณ ล่ำซํา ทำให้ความคาดหวังในตัวซิโก้สูงเป็นเงาตามตัว

     จุดที่ซิโก้จำเป็นต้องพิสูจน์ฝีมือให้เห็นคือ การบริหารสโมสรฟุตบอล ซึ่งมีนักเตะให้เลือกใช้งานน้อยกว่าทีมชาติและมีเวลาปรับทีมให้เข้ากับแท็กติกได้สัปดาห์ต่อสัปดาห์ รวมถึงความกดดันที่มากขึ้นทุกแมตช์

     ซึ่งการเข้ามาคุมสโมสรโดยเฉพาะในช่วงกลางฤดูกาล ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

 

ฤดูกาลหน้าคือบทพิสูจน์ฝีมือท่ีแท้จริง

     ยิ่งรัก รักษ์สุวรรณ ผู้บรรยายฟุตบอลไทยทางทรูวิชั่นส์ ที่ติดตามข่าวสารฟุตบอลทีมชาติไทยตลอดมาวิเคราะห์ว่า ซิโก้ต้องการพิสูจน์ตัวเองกับฟุตบอลสโมสร โดยผลงานของซิโก้ในฤดูกาลนี้อาจจะยังไม่สามารถชี้วัดอะไรได้อย่างชัดเจน เนื่องจากเข้ามาคุมทีมในช่วงกลางฤดูกาล แต่จุดเด่นที่ผ่านมาของซิโก้คือจิตวิทยา รวมถึงความเป็นไอดอลของนักฟุตบอลยุคนี้หลายคน เนื่องจากเพิ่งเลิกเล่นฟุตบอลไปไม่นาน แต่จุดที่ต้องแก้ไขคือแท็กติก และประสบการณ์การคุมทีมโดยเฉพาะเรื่องการแก้เกม

     ยิ่งรักเชื่อว่า ซิโก้จะสามารถพิสูจน์ฝีมือได้อย่างเต็มที่ในฤดูกาลหน้า ซึ่งเขาได้คุมทีมตั้งแต่ต้นจนแมตช์สุดท้าย ส่วนผลงานในฤดูกาลนี้อย่างน้อยต้องทำคะแนนได้ไม่น้อยกว่าการแข่งขันไทยลีกในเลกแรก

     ผลลัพธ์หนึ่งของความสำเร็จคือทุกคนจะยกระดับความคาดหวังกับผลงานของคุณเสมอ ซึ่งหากคุณทำผลงานได้เสมอตัวไปตลอด วันหนึ่งคนก็จะมองว่าคุณไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาต่อ และนั่นอาจจะเป็นการนับถอยหลังของคุณในอาชีพนั้นๆ

     แต่ในวันนี้ซิโก้ถือว่าได้รับโอกาสอีกครั้งให้พิสูจน์ความสามารถในเวทีฟุตบอลไทยลีก แต่ต่างกันตรงที่ความคาดหวังในตัวเขานั้นมีสูงขึ้นมากกว่าการคุมสโมสรครั้งก่อนๆ และจุดนี้เองที่จะเป็นบทพิสูจน์ว่าเขาสามารถไปต่อได้หรือไม่

     ซึ่งผลงานในสนามจะเป็นตัวบอกเอง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising