รัฐบาลนิวซีแลนด์เปิดเผยวันนี้ (24 พฤศจิกายน) ว่าจะยังคงปิดพรมแดนสำหรับนักเดินทางชาวต่างชาติจากประเทศส่วนใหญ่ต่อไปอีก 5 เดือน หรือจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า ท่ามกลางความพยายามควบคุมสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อสูงกว่าวันละ 200 คน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เผชิญการระบาดของโควิดตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว
โดย คริส ฮิปกินส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการนิวซีแลนด์ และผู้รับผิดชอบมาตรการรับมือโควิด แถลงว่าชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้านิวซีแลนด์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 เมษายนปีหน้า
ส่วนชาวนิวซีแลนด์และผู้ถือวีซ่าพำนักถาวรที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรเลียและฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว จะได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้านิวซีแลนด์ได้ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ในขณะที่ชาวนิวซีแลนด์และผู้ถือวีซ่าพำนักถาวรที่มาจากประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่ จะได้รับอนุญาตให้เข้านิวซีแลนด์ได้ตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการชื่นชมในมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดที่เข้มงวด แต่การระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตาตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ส่งผลให้รัฐบาลนิวซีแลนด์ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายรับมือ ซึ่งเมืองใหญ่อย่างโอ๊กแลนด์ ตอนนี้ค่อยๆ เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว หลังมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงขึ้น
ขณะที่ฮิปกินส์ยืนยันว่าแนวทางเปิดประเทศเป็นระยะนั้นมีความปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งจะช่วยควบคุมความเสี่ยง และลดผลกระทบต่อชุมชนและระบบสาธารณสุขของนิวซีแลนด์
“แนวทางแบบแบ่งระยะในการเชื่อมต่อกับทั่วโลกเป็นแนวทางที่ปลอดภัยที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าความเสี่ยงต่างๆ จะได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ สิ่งนี้ช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อชุมชนที่เปราะบาง และระบบสุขภาพของนิวซีแลนด์” ฮิปกินส์กล่าว พร้อมเผยว่านักเดินทางจากต่างชาติจะไม่จำเป็นต้องเข้ารับการกักตัวอีกต่อไป แต่จะมีมาตรการอื่นๆ เช่น การแสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนเดินทาง และเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส ตลอดจนการตรวจเชื้อหลังจากที่เดินทางถึงนิวซีแลนด์
ภาพ: Photo by Mark Mitchell – Pool/Getty Images
อ้างอิง: