เบเกิลเป็นหนึ่งในประเภทของขนมปังที่มีลักษณะเฉพาะตัวมากๆ ชนิดหนึ่งในโลก จุดกำเนิดของเบเกิลเกิดในโปแลนด์ ก่อนที่สูตรการทำจะกระจายไปยังประเทศต่างๆ และเป็นที่รักของคนรักแป้งทั่วโลก โดยเฉพาะในนิวยอร์กที่รู้จักและทำเบเกิลมายาวนานตั้งแต่ทศวรรษ 1800 ซึ่งปัจจุบันก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเมืองหลวงของเบเกิล ทำให้ ‘เบเกิลสไตล์นิวยอร์ก’ โด่งดังและเป็นที่แพร่หลายมากที่สุดสไตล์หนึ่ง
เช่นเดียวกับสูตรอาหารและขนมปังอื่นๆ ที่เมื่อเกิดการเดินทางไปยังที่ต่างๆ แต่ละพื้นที่ก็มักจะปรับบ้างจนกลายเป็นสูตรเฉพาะขึ้นมา ส่วนสำหรับเบเกิลนั้นมีสูตรอื่นๆ อยู่บ้างก็จริง แต่ก็จะมีแต่ ‘เบเกิลสไตล์นิวยอร์ก’ และ ‘เบเกิลสไตล์มอนทรีออล’ ตัวแทนจากประเทศแคนาดา นี่แหละที่เปรียบเหมือนเบเกิลคู่ปรับตลอดกาลที่มักจะได้รับการวิจารณ์ว่าดีสูสีไม่แพ้กัน และถูกเปรียบเทียบอยู่เสมอว่าใครกันแน่ที่ทำเบเกิลอร่อยกว่า
เบเกิลคือขนมปังที่นำไปต้มก่อนจึงนำเข้าเตาอบ ซึ่งความเหมือนที่แตกต่างในรายละเอียดของกระบวนการทำจากทั้งสองประเทศ ทำให้รสชาติ รสสัมผัส และวิธีการกินของทั้งสองสไตล์นี้ดีทั้งคู่ในตัวมันเอง ซึ่งไหนๆ ช่วงนี้เบเกิลกลับมาอยู่ในความสนใจของนักชิมในกรุงเทพฯ อีกครั้ง เราเลยหยิบความเหมือนที่แตกต่างๆ ของคู่ปรับตลอดกาลคู่นี้มาเล่าให้คุณไปชิมและตัดสินใจเองว่าระหว่างเบเกิลสไตล์ ‘นิวยอร์ก และ มอนทรีออล’ คุณชอบเบเกิลสไตล์ไหนมากกว่ากัน
นิวยอร์กเบเกิล
วิธีทำ: ปัจจุบันด้วยขนาดของการผลิตจำนวนมาก จึงใช้เครื่องจักรเป็นส่วนใหญ่ หลังจากนวดแป้งและตัดเป็นวงกลมแล้ว แป้งทรงกลมมีรูตรงกลาง (ถ้าทำที่บ้านใช้วิธีปั้นเป็นทรงกลมแล้วใช้นิ้วกดตรงกลางให้เกิดรู) จะถูกนำไปต้มในน้ำเดือด (บางสูตรอาจใส่เบกกิ้งโซดาลงในน้ำด้วยเป็นทางเลือก) โรยหน้าด้วยงาหรือเมล็ดธัญพืชอื่นๆ หลังจากนั้นจะนำเข้าเตาอบ
คาแรกเตอร์: มีความเป็นขนมปัง เปลือกด้านนอกบาง ข้างในนุ่มเหนียว รสชาติมีความเค็ม
วิธีการกิน: การกินเปล่าๆ หรือจิ้มกับครีมชีสเลยถือเป็นทางเลือกแล้วแต่ชอบ แต่เบเกิลสไตล์นิวยอร์กนั้นนิยมกินให้เป็นแซนด์วิช เริ่มจากนำไปโทสต์ก่อน หั่นครึ่งตรงกลาง ปาดครีมชีส ใส่เนื้อสัตว์ที่ตัวเองชอบลงไป (อย่างแซลมอนรมควัน ครีมชีส เคเปอร์ และหัวหอมแดง) ประกบเข้าด้วยกัน หั่นครึ่งและเอ็นจอยได้เลย
เบเกิลสไตล์มอนทรีออล
วิธีทำ: นอกจากแป้ง ยีสต์ น้ำตาล น้ำ น้ำมัน แล้ว อ้างอิงจากสูตรของ St-Viateur หนึ่งในร้านเบเกิลที่เก่าแก่ที่สุดในมอนทรีออล ยังใส่ไข่ลงไปด้วย หลังจากนั้นเบเกิลของที่นี่จะใช้มือปั้นตามวิธีดั้งเดิมเท่านั้น ปั้นโดยการนวดแป้งออกเป็นเส้นแล้วม้วนจับปลายให้เกิดวง หลังจากนั้นต้มในน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง ต่อด้วยการชุบลงไปในงาหรือธัญพืชทั้งชิ้น ก่อนอบด้วยเตาถ่านเท่านั้น
คาแรกเตอร์: เมื่ออบเสร็จเราจะเห็นเลยว่าเบเกิลมอนทรีออลบางกว่า และมีรูตรงกลางใหญ่กว่า ด้านนอกกรอบเป็นเปลือกชัดเจน ในขณะที่ข้างในนุ่มเหนียว รสชาติหวานกว่า
วิธีการกิน: เบเกิลสไตล์นี้ถูกออกแบบมาให้กินเปล่าๆ หรือเพียงแค่จิ้มกับครีมชีส คุณไม่ต้องโทสต์มันก่อน แต่ซื้อคู่กับครีมชีสแล้วเปิดกินได้เลย (แต่ใครจะทำเป็นแซนด์วิชก็ไม่มีใครว่า)
ภาพประกอบ: เซน พุทธิพงศ์ โรจน์ศตพงค์
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
