เอริก อดัมส์ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ประกาศไล่ออกเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 1,430 คน ที่ปฏิเสธเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าหน้าที่กรมตำรวจ (NYPD) 36 คน, เจ้าหน้าที่กรมดับเพลิง 25 คน, เจ้าหน้าที่กรมการศึกษา 914 คน และเจ้าหน้าที่กรมการเคหะ 101 คน
การไล่ออกเจ้าหน้าที่รัฐของนิวยอร์กมีจำนวนลดลงจากเดิมที่คาดไว้ว่าอาจสูงถึงกว่า 4,000 คน เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมากตัดสินใจยอมฉีดวัคซีนก่อนเส้นตายในวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 กุมภาพันธ์)
โดยก่อนหน้านี้นครนิวยอร์กประกาศข้อกำหนดให้กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ ครู และลูกจ้างรัฐ ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิดอย่างน้อยคนละ 1 โดส ซึ่งผู้ที่ไม่เข้ารับการฉีดวัคซีนภายในสิ้นเดือนตุลาคมปีที่แล้วต้องหยุดงานโดยไม่ได้รับการจ่ายเงินเดือนทันทีรวมกว่า 2,400 คน
หลังจากนั้นทางการได้กำหนดเส้นตายรอบแรกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 1,400 คนที่ถูกไล่ออกยังคงปฏิเสธจะฉีดวัคซีน ส่วนอีกเกือบ 1,000 คนยอมฉีดวัคซีน และได้รับอนุญาตให้กลับเข้าทำงานตามปกติตั้งแต่วันจันทร์ (14 กุมภาพันธ์)
“เราต้องชัดเจนว่าผู้คนต้องได้รับการฉีดวัคซีน หากพวกเขาคือลูกจ้างของนครนิวยอร์ก ทุกคนเข้าใจเรื่องนั้น เราไม่ต้องการไล่ใครออก เราต้องการให้ผู้คนได้รับการฉีดวัคซีน และมีการจ้างงานเพื่อให้เศรษฐกิจของเราดำเนินการต่อไปได้” อดัมส์กล่าว พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณลูกจ้างรัฐที่ยอมเข้ารับการฉีดวัคซีน
จากข้อมูลพบว่าในเดือนตุลาคมปีที่แล้วมีเจ้าหน้าที่รัฐของนิวยอร์กราว 85% จากทั้งหมดกว่า 370,000 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ซึ่งตัวเลขล่าสุดนั้นเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 95%
ขณะที่ในเมืองใหญ่อื่นๆ เช่น ชิคาโก และบอสตัน ต่างเริ่มดำเนินการบังคับให้ลูกจ้างรัฐเข้ารับการฉีดวัคซีนแล้วเช่นกัน โดยนโยบายบังคับฉีดวัคซีนนี้ยังเป็นที่ถกเถียง และมีชาวอเมริกันจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วยและออกมาประท้วงต่อต้าน
อ้างอิง: