×

นัด 3 พรรคการเมือง ส่งการบ้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ-เลือก สสร. หาหนทาง ‘เดินอ้อม’ ตามคำวินิจฉัยศาล

18.09.2025
  • LOADING...

 

กระบวนการเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น หลัง 2 เหตุการณ์สำคัญ คือการทำข้อตกลงระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชน หรือ MOA ที่ระบุเงื่อนไขของการเดินหน้าทำประชามติเพื่อรัฐธรรมนูญใหม่ ภายในกรอบเวลา 4 เดือน ก่อนรัฐบาลจะยุบสภา

 

อีกเหตุการณ์คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 10 กันยายนที่ผ่านมา ที่ให้ความชัดเจนเรื่องจำนวนครั้งในการจัดทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และ 2 ทำไปพร้อมกันได้ ทั้งยังได้กำหนดบรรทัดฐานว่า “รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง”

 

สรุป 3 ขั้นตอนสำคัญสู่การทำประชามติในไทย

 

นำมาสู่การหารือกันระหว่าง 3 พรรคการเมืองหลักเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย ในการประชุมกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันว่า ทั้ง 3 พรรค จะเร่งจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15 ว่าด้วยการเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และนำมาเสนอในสัปดาห์ต่อมา

 

ล่าสุด วันนี้ (18 กันยายน) ถือว่าครบ 1 สัปดาห์ ของการจัดทำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าว ตัวแทนของทั้ง 3 พรรคการเมือง รวมถึงกลุ่มผู้สังเกตการณ์ ทั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.), ภาคประชาชน, คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และฝ่ายกฎหมายของสภาฯ ได้นัดหมายมาหารือร่วมกันอีกครั้ง เพื่อติดตามความคืบหน้า

 

สรุป 3 ขั้นตอนสำคัญสู่การทำประชามติในไทย

 

พรรคประชาชน: โมเดล 2 คณะ ต่างระบบ

 

พริษฐ์ วัชรสินธุ สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะตัวแทนพรรคประชาชน นำเสนอกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยระบุว่า สำหรับกระบวนการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 15  พร้อมย้ำว่า จุดยืนของพรรคประชาชน ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัย เพราะเป็นการตอบเกินคำถาม และปิดกั้นกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญของประชาชนโดยตรง จึงต้องออกแบบกลไกให้ประชาชนยังคงมีส่วนร่วม นำมาสู่ข้อเสนอโมเดล 2 คณะ ประกอบด้วย

 

  1. กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ หรือคณะผู้ร่าง ซึ่งมีหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสนอต่อรัฐสภา มีที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน 70 คน 

 

โดยผู้สมัครเข้ามาเป็นทีม ทีมละไม่เกิน 70 คน เรียงลำดับเหมือน สส. แบบบัญชีรายชื่อ ประชาชนสามารถเลือกได้ 1 ทีม และนำมาคำนวณว่าผู้ใดเข้ารอบจากแต่ละทีม จากนั้นนำรายชื่อส่งให้รัฐสภาคัดเลือกให้เหลือ 35 คน โดยรัฐสภาแบ่งสัดส่วนตาม สส. สว. และพรรคการเมือง เนื่องจากหากคัดเลือกโดยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง อาจเปิดช่องให้บางกลุ่มการเมืองผูกขาดการเลือกได้

 

  1. สภาที่ปรึกษา หรือคณะผู้แทนประชาชน มีหน้าที่เป็นเจ้าภาพรวบรวมและสะท้อนความเห็นจากประชาชน เพื่อเสนอต่อคณะผู้ยกร่าง และรายงานความคืบหน้าต่อประชาชน โดยมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง จำนวน 100 คน ผู้สมัครตัวแทนจังหวัดอย่างน้อย 1 คน มากสุดจังหวัดละไม่เกิน 5 คน 

 

ทั้งนี้ กระบวนการเลือกทั้ง 2 คณะ จะเข้าคูหาเลือกตั้งวันเดียวกัน มีบัตร 2 ใบ คล้ายกับการเลือก สส. แบบแบ่งเขต และ สส. แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเมื่อทั้ง 2 คณะทำงานร่วมกันเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้วเพื่อเสนอต่อรัฐสภา อาจเพิ่มกลไกว่าหากรัฐสภาไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ อาจร้องขอให้เริ่มกระบวนการให้ทั้งหมด ตั้งแต่การเข้าคูหาเพื่อเลือกทั้ง 2 คณะได้ ซึ่งพริษฐ์ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการยกร่างใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว และหลังจากการรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายในวันนี้แล้ว ก็จะนำมาประกอบการยกร่างเพื่อให้นำเสนอต่อรัฐสภาได้โดยเร็ว

 

สรุป 3 ขั้นตอนสำคัญสู่การทำประชามติในไทย

 

พรรคเพื่อไทย: ตัวแทนจังหวัดและตัวแทนวิชาชีพ

 

ขณะที่ จาตุรนต์ ฉายแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะตัวแทนพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า พรรคเพื่อไทยได้ประชุมไปเมื่อวันอังคาร (16 กันยายน) แล้วจะมีการประชุมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ย.) คาดว่าจะยกร่างได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนจะให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร ต้องเป็นรายละเอียดที่พิจารณาต่อไป 

 

สำหรับสาระเกี่ยวกับวิธีการในกระบวนการ คือเรื่อง สสร. โดยส่วนตัวมองว่า ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาไม่สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเองที่มีแต่เดิมว่าประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญ แม้การวินิจฉัยครั้งนี้ เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น ศาลรัฐธรรมนูญตอบมาแล้ว  ก็มีความจำเป็นที่มิอาจไม่ปฏิบัติตามได้ 

 

“ที่ (พรรคเพื่อไทย) คิดได้ตอนนี้คือ สสร. ทั้งหมดประมาณ 140 คน โดย 200 คนมาจากการที่ประชาชนในแต่ละจังหวัดเลือกตั้งกันมาให้ได้ แล้วรัฐสภามาคัดให้เหลือ 100 คน โดยการคัด 100 คนนั้น แต่ละจังหวัดจะต้องมีตัวแทนอย่างน้อย 1 คน ส่วนอีก 40 คน มาจากภาควิชาการ ทั้งคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ ตัวแทนองค์กรภาคประชาชน ตัวแทนวิชาชีพ ซึ่งต้องหาวิธีให้ได้มาซึ่งตัวแทนเหล่านี้ โดยที่คงจะต้องหลีกเลี่ยงการให้เลือกไขว้กัน เป็นต้น” จาตุรนต์กล่าว

 

จาตุรนต์ระบุว่า เมื่อได้มา 140 คนแล้ว ก็ไปเลือกคณะกรรมาธิการยกร่างกันเอง จากนั้น เข้าสู่ สรร. ซึ่งจะไปรับฟังความเห็น เสร็จแล้วส่งมาให้รัฐสภาพิจารณา และอาจจะมีการให้รัฐสภาให้ความเห็นรอบหนึ่ง เพื่อให้ สสร. กลับไปพิจารณาทบทวน

 

จาตุรนต์ทิ้งท้ายว่า วันพรุ่งนี้พรรคเพื่อไทยจะพิจารณากันอีกครั้ง อย่างช้าที่สุดถ้าจะเป็นที่ยุติ จะไม่เกินวันที่ 23-24 กันยายน เพื่อให้เสนอร่างแก้ไขฯ ได้ในปลายสัปดาห์หน้า

 

สรุป 3 ขั้นตอนสำคัญสู่การทำประชามติในไทย

 

ภูมิใจไทย: ติดภารกิจ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งของการหารือ พริษฐ์ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตัวแทนของพรรคภูมิใจไทย คือ ภราดร ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ติดภารกิจไม่สามารถมาร่วมประชุมได้ แต่ได้แจ้งว่า มีแนวคิดของโมเดลแล้ว รวมถึงเชื่อว่าจะนำมาเสนอได้ภายในสัปดาห์ แต่คงไม่เหมาะที่ตนจะเป็นผู้ชี้แจงแทน

 

ณัชปกร นามเมือง ในฐานะตัวแทนกลุ่ม Con for All ยืนยันว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ปรากฏให้เห็นนั้นเป็นเพียงแค่ฉบับย่อ ยังไม่เห็นคำวินิจฉัยฉบับเต็ม ว่าถูกตีความว่าอย่างไร ทำให้เกิดภาวะ Dilemma เท่ากับว่า รัฐสภากำลังเป็นประจักษ์พยานว่า ศาลรัฐธรรมนูญกำลังทำเกินอำนาจหน้าที่ที่ท่านมี เพราะท่านไม่มีอำนาจกำหนดว่า ที่มา สสร. จะเป็นอย่างไร เพราะอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน อีกทั้งศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีอำนาจในการวินิจฉัยประเด็นที่ผู้ร้องไม่ได้ถามด้วย

 

ขณะที่ฝ่ายรัฐสภาเมื่อเรายังไม่ได้ข้อยุติ ก็ไม่ควรจะตีกรอบ หรือจํากัดอำนาจไว้ล่วงหน้า ดังนั้น ขั้นต่ำที่สุดในการเสนอร่างแก้ไขมาตรา 256 ที่จะมีการเสนอนั้น ในชั้นหลักการ ควรเปิดกว้างให้ไปสู่การเลือกตั้ง สสร. ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้าม และแต่ละร่างของที่พรรคการเมืองเสนอ ก็ไม่ควรจะปิดประตู รวมถึงควรเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัยฉบับเต็ม เพื่อให้เป็นไปอย่างโปร่งใส 

 

นอกจากนั้น ยังมีการนำเสนอกรอบของการออกแบบการจัดทำรัฐธรรมนูญ ซึ่งควรมีหลักคิด 4D คือ Democracy เป็นประชาธิปไตยยึดโยงประชาชน Diversity (inclusive) หลากหลายครอบคลุม Deliberate มีส่วนร่วมแบบถกแถลง Delivery ส่งมอบได้จริง โดยการให้ประชาชนมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการ คือทำให้ประชาชนอยู่ตั้งแต่ต้นน้ำ คือการเลือกผู้ร่าง กลางน้ำ คือให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการถกแถลง และปลายน้ำ คือการออกเสียงประชามติ 

 

ณัชปกรย้ำว่า ข้อเสนอเบื้องต้นนี้ อาจเป็นความบังเอิญที่ได้นำเนื้อหาของพรรคประชาชนมาอย่างละนิด และนำของพรรคเพื่อไทยมาอย่างละหน่อย คือให้ประชาชนเลือกตัวแทนทั้ง 2 รูปแบบ ซึ่งให้ประชาชนเลือกตั้งมาทั้งคู่ ด้วยระบบที่ต่างกัน คือการเลือกระดับประเทศ โดยใช้ระบบบัญชีรายชื่อ เพื่อเอื้อแนวคิด และนโยบายที่หลากหลาย มากกว่าการเลือกตามพื้นที่ รวมถึงเพิ่มการเลือกตัวแทนระดับจังหวัดเพื่อถ่วงดุล

 

สรุป 3 ขั้นตอนสำคัญสู่การทำประชามติในไทย

 

ฝ่ายกฎหมายเสนอ ให้ ครม. ดำเนินการ

 

ขณะที่ตัวแทนสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ เห็นว่า หากร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่แต่ละพรรคที่เสนอมายังไม่สะเด็ดน้ำนั้น ทางออกที่ 1 อาจจะต้องทำโดย ครม. โดยใช้มาตรา 9 (2) ของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ เพราะว่าถ้ารอให้สภาสะเด็ดน้ำ วาระ 2-3 อาจจะไม่เกิดขึ้น ทำให้การถามคำถามประชามติครั้งที่ 1 ก็อาจจะล่วงพ้นเวลาที่เหมาะสมไป 

 

อีกแนวทางหนึ่ง การที่นำเสนอเรื่อง สสร. ของพรรคประชาชนที่แบ่งเป็น 35 คน และ 70 คนนั้น ในส่วนของ 70 คน ถ้ายังไม่ได้ข้อยุติว่า รัฐสภามีอำนาจแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ แต่รัฐสภาไม่อาจเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรงนั้น ประเด็นนี้ก็อาจถูกตีความว่า 70 คนนั้น เป็นการเลือกโดยตรงจากประชาชน อีกก็เป็นไปได้

 

จาตุรนต์ตั้งข้อสังเกตอีกว่า สิ่งที่พริษฐ์สรุปไว้ ก็คิดว่าสอดคล้องกัน และควรพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ คุยกันข้ามพรรคข้ามฝ่าย แต่สุดท้ายคงไม่ใช่การเลือกกันเอง คนยกร่างต้องมีกำลังส่วนสำคัญ เช่น มีความรู้ความสามารถด้านนิติศาสตร์ เราอยากเห็นการแลกเปลี่ยนมากกว่าพยายามให้เลือกไปทางใดทางหนึ่ง ประเด็นต้องคิดมีอยู่คือ ให้ทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้ง ก็ให้ ครม. เป็นผู้เสนอ ผลทางรัฐธรรมนูญเป็นอย่างไร หากทำประชามติ ประชาชนเห็นชอบแล้วอย่างไรต่อ 

 

“ถ้ามีคนมาขวางอีกว่าเอาอะไรมายืนยัน ไม่มีที่ไหนในรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีบัญญัติตรงไหนอยู่ในรัฐธรรมนูญว่า วันหนึ่ง ครม. จะให้มีการทำประชามติ ว่ามีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และประชาชนให้ความเห็นชอบ เป็นอันว่าการทำรัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้นได้หรือไม่ ผมไม่รู้ว่าคิดมากไปหรือเปล่า แต่เราไม่คิดทีไร ก็จะมักจะเกิดเรื่องที่ทำให้คิดมากกว่านั้น เช่น คำวินิจฉัยที่ทำให้เกินมา” จาตุรนต์กล่าว

 

ทำให้ตัวแทนสำนักกฎหมาย สำนักงานเลขาธิการสภาฯ ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า กรณีหากให้ ครม. มีมติเรื่องการทำประชามติ สามารถให้นายกรัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีการออกเสียงตามวันที่กำหนดได้ ซึ่งตามที่ได้หารือ กกต. เรื่องระยะเวลาคาดว่า เป็น 90 วัน ไม่เกิน 120 วัน แต่ถ้า พ.ร.บ. ฉบับใหม่บังคับใช้ลงมา ก็คือ 60 วัน หรือ 150 วัน ซึ่งสามารถกำหนดวันออกเสียงวันเดียวกับวันเลือกตั้งได้ พร้อมย้ำว่า หากมีคนตีความในเรื่องดังกล่าว ก็มิใช่เรื่องที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ

 

สรุป 3 ขั้นตอนสำคัญสู่การทำประชามติในไทย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising