มาร์ก รุตเตอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ประกาศล็อกดาวน์บางส่วน ซึ่งถือเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันตกที่ตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิดในช่วงฤดูหนาวนี้
นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ระบุว่า แม้ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว แต่จำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ก็ทำให้มีความจำเป็นที่รัฐบาลต้องใช้มาตรการที่รุนแรงและสร้างความรำคาญใจให้แก่ประชาชน โดยมาตรการล็อกดาวน์บางส่วนในเนเธอร์แลนด์จะกินระยะเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่เย็นวันเสาร์นี้
ร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งรวมถึงกาสิโน ร้านทำผม ซาวน่า และบริการทางเพศ จะต้องปิดในเวลา 18.00 น. ขณะที่ซูเปอร์มาร์เก็ต คาเฟ่ ร้านอาหาร และโรงแรม ปิดในเวลา 20.00 น.
ส่วนการแข่งขันกีฬาอาชีพและสมัครเล่นจะยังคงจัดการแข่งขันต่อไปได้ แต่ไม่อนุญาตให้มีผู้เข้าชม ซึ่งรวมถึงฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกที่เนเธอร์แลนด์จะเปิดบ้านรับการมาเยือนของนอร์เวย์ในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้
สำหรับบ้านพักอาศัย อนุญาตให้ต้อนรับแขกอายุมากกว่า 13 ปี ได้ไม่เกิน 4 คน และขอให้ Work from Home มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โรงภาพยนตร์และโรงละครจะยังคงเปิดดำเนินการต่อไปได้ แต่สถานที่ที่ไม่มีการตรวจบัตรผ่านโควิด หรือ Covid Pass ต้องใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม 1.5 เมตร
นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า รัฐบาลอยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ธุรกิจห้างร้านต่างๆ สามารถเลือกได้ว่าต้องการจำกัดการเข้าใช้บริการ โดยเปิดรับเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนหรือผู้ที่หายดีแล้วหรือไม่
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 พฤศจิกายน) เนเธอร์แลนด์รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่ 16,287 ราย ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขของวันพฤหัสบดี (11 พฤศจิกายน) แต่เพิ่มขึ้นหนึ่งในสามจากสัปดาห์ก่อนหน้า แม้ว่าอัตราการฉีดวัคซีนของชาวดัตช์ค่อนข้างสูง โดย 82.4% ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 12 ปี ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ซึ่งคิดเป็น 73% ของประชากรทั้งหมด
ธุรกิจร้านอาหารและจัดเลี้ยงไม่พอใจอย่างมากต่อการประกาศล็อกดาวน์ล่าสุดของรัฐบาล โดยโฆษกรายหนึ่งกล่าวกับสถานีโทรทัศน์ NOS ว่า รัฐบาล ‘ล้ำเส้น’ ขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนมากออกมาเดินขบวนตามท้องถนนในกรุงเฮก หลังจากนายกรัฐมนตรีแถลงมาตรการล็อกดาวน์ ฝูงชนบางส่วนเริ่มปาก้อนหินและดอกไม้ไฟเข้าใส่ตำรวจ ขณะที่ตำรวจฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง โดยตำรวจเฮกโพสต์ข้อความผ่านทาง Twitter ถึงสาเหตุที่ต้องฉีดน้ำว่า เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
นอกจากเนเธอร์แลนด์แล้ว หลายประเทศในยุโรปก็กำลังเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนไม่ยอมเข้ารับการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ ออสเตรียเตรียมที่จะกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์กับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน โดยจะเริ่มในอัปเปอร์ออสเตรียและซัลซ์บวร์กเป็นสองแห่งแรก ตั้งแต่วันจันทร์นี้
ส่วนเดนมาร์ก ซึ่งก่อนหน้านี้ลดระดับโรคโควิด จากโรคที่ ‘เป็นภัยต่อสังคม’ ได้กลับมาใช้บัตรผ่านโควิดอีกครั้ง หลังจากที่เลิกใช้ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ภาพ: Helene Wiesenhaan / BSR Agency / Getty Images
อ้างอิง:
