จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับงาน See What’s Next in Korea ที่ทาง Netflix จัดแถลงข่าวจากกรุงโซล เกาหลีใต้ พร้อมไลน์อัพออริจินัลคอนเทนต์น่าสนใจขั้นสุดที่บอกได้แค่ว่าปีนี้เราจะต้องยอมขอบตาดำไปด้วยกัน

เปิดงานด้วยคำทักทายจาก คิมมินยอง รองประธานด้านคอนเทนต์ของ Netflix เกาหลี, เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ที่ได้ประกาศว่าเมื่อสิ้นปี 2020 ที่ผ่านมา จำนวนสมาชิกของ Netflix ในเกาหลีพุ่งสูงถึง 3.8 ล้านราย ทำให้เกิดการลงทุนอย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนผู้สร้างในเกาหลี คิมยังกล่าวอีกว่าในปี 2021 จะมีการลงทุนราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการสร้างซีรีส์และภาพยนตร์เกาหลี

“แม้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีการรับชมสื่อจากทีวีไปสู่คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และความยืดหยุ่นที่จะรับชมได้ทุกที่ ทุกเวลา และมีความหลากหลายเหมาะสำหรับทุกคน แต่มีอย่างหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนคือคอนเทนต์คุณภาพที่ผู้คนสนใจจะเสพ เราได้เห็นว่าคอนเทนต์จากเกาหลีเป็นการทำงานเพื่อคนดูทั่วโลก และเราคงมาถึงวันนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีทีมงานเบื้องหลังที่เชื่อในการทำงานคุณภาพของ Netflix 

“จากความสำเร็จของคอนเทนต์เกาหลีหลายเรื่อง ทั้ง Sweet Home, Love Alarm, Kingdom ทำให้เม็ดเงินในการลงทุนสร้างสรรค์คอนเทนต์เกาหลีปีนี้สูงถึงราว 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งยังทำให้เกิดการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรม ทั้งด้าน VFX การเขียนบท และเปิดสตูดิโอถ่ายทำของ Netflix สิ่งนี้ทำให้ฉันภูมิใจที่เป็นคนเกาหลี และได้มองเห็นคอนเทนต์เกาหลีกลายเป็นเทรนด์ของวัฒนธรรมป๊อป”

Carter และ Moral Sense ภาพยนตร์ออริจินัลคอนเทนต์เรื่องใหม่ 

ดอน คัง ผู้อำนวยการด้านจัดหาเนื้อหาของ Netflix และ คิมแทวอน ผู้อำนวยการด้านจัดหาเนื้อหาภาพยนตร์ของ Netflix ได้ประกาศภาพยนตร์ออริจินัลคอนเทนต์เรื่องใหม่ Carter และ Moral Sense

Carter จะเป็นผลงานภาพยนตร์แอ็กชันลองเทกฉากเดียวคัตเดียวของผู้กำกับ จองบยองกิล เล่าถึงชายหนุ่มที่ตื่นมาในโมเตลแห่งหนึ่งโดยไม่เหลือความทรงจำเลยว่าตัวเขาคือใคร นอกจากเสียงในหูที่เรียกชื่อเขาว่า Carter เสียงนั้นยังสั่งให้เขาไปทำภารกิจช่วยเหลือเด็กหญิงที่ถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ 

Moral Sense กำกับภาพยนตร์โดย พัคฮยอนจิน เรื่องราวโรแมนติกของหนุ่มออฟฟิศสุดเนี้ยบที่เก็บรสนิยมทางเพศแบบ BDSM ของตัวเองเอาไว้เป็นความลับ จนกระทั่งเพื่อนรวมงานสาวบังเอิญเปิดอีเมลของเขาและเห็นสายจูง ความลับจึงเปิดเผย ทั้งสองได้พัฒนาความสัมพันธ์ในรูปแบบผู้หญิงเป็น Dom (ออกคำสั่ง) และผู้ชายเป็น Sub (ยอมทำตาม) 

ซีรีส์ออริจินัลคอนเทนต์เรื่องใหม่จาก Netflix 

วินซ์ แบ ผู้อำนวยการด้านจัดหาเนื้อหาซีรีส์ของ Netflix และ อีกีโอ ผู้อำนวยการด้านจัดหาเนื้อหาซีรีส์ของ Netflix ขึ้นประกาศเกี่ยวกับซีรีส์ออริจินัลคอนเทนต์เรื่องใหม่ Love Alarm ซีซัน 2, Move to Heaven, D.P., My Name, All of Us Are Dead, So Not Worth It, Paik’s Spirit, Lee Su-geun: The Sense Coach โดยในงานมีทีมผู้สร้างและนักแสดงมาร่วมพูดคุยถึงผลงานที่ยิ่งใหญ่ในปีนี้

• ภาพแรกจาก Kingdom: Ashin of the North

นักเขียนคิมอึนฮีและผู้กำกับคิมซองฮุน Kingdom: Ashin of the North ได้ตอบคำถามทั้งยังเล่าถึงการทำงานที่ใกล้จะเสร็จให้ได้ชมกัน

ผู้กำกับคิมซองฮุนเล่าว่า “ตอนที่ผมเริ่มทำงานกับนักเขียนคิม ผมรู้เลยครับว่ามันจะเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ สำหรับ Kingdom: Ashin of the North เราไปถ่ายทำกันที่เกาะเชจู ชอนจีฮยอนที่รับบทเป็นอาชิน ก็เป็นการทำงานที่น่าประทับใจมาก ผมและทีมงานทุกคนรู้เลยว่าทำไมเธอถึงได้รับความรักจากผู้คนไม่เฉพาะในเกาหลี แต่รวมถึงแฟนๆ ทั่วโลก นอกจากนี้การแสดงของเธอในเรื่องนี้ยังเยี่ยมยอดมากๆ 

“โปรดักชันทั้งหมดถ่ายทำเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้อยู่ในช่วงโพสต์โปรดักชัน ผมคิดว่าในปีนี้จะได้ชมกันแน่ๆ”

สำหรับ Kingdom: Ashin of the North (ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด: อาชินแห่งเผ่าเหนือ) จะเป็นภาคแยกพิเศษจาก Kingdom 2 บอกเล่าเรื่องราวของตัวละครลึกลับทางเหนือของอาณาจักรที่องค์ชายอีชางและคณะได้พบระหว่างเดินทางไปค้นหาต้นตอของโรคร้ายปลุกคนตายกลายเป็นซอมบี้ ซึ่งการปรากฏตัวของชอนจีฮยอนช่วงท้ายของ Kingdom 2 ได้กลายเป็นชนวนสำคัญของเรื่องราว 

• ภาพแรกจากซีรีส์ Hellbound

ผู้กำกับยอนซังโฮ และนักแสดงจาก ​Hellbound ยูอาอิน, พัคจองมิน, คิมฮยอนจู, วอนจินอา, ยางอิกจุน ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานในซีรีส์เรื่องนี้

ยอนซังโฮเล่าถึงความประทับใจในการได้ร่วมงานกับทีมนักแสดง “Hellbound เป็นซีรีส์ที่มีความพิเศษมากครับ ไม่ใช่ซอมบี้ ไม่เชิงเป็นสัตว์ประหลาด แต่เป็นความแปลกใหม่ที่ผมเองก็ตื่นเต้นมาก ยิ่งได้นักแสดงนำทีมนี้ ผมดีใจมากๆ เพราะผมเห็นด้วยตาตัวเองแล้วว่าในกองถ่ายพวกเขาเข้าใจตัวละครได้ดีขนาดไหน และถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ผมทำดีที่สุดแล้วสำหรับซีรีส์เรื่องนี้ครับ หวังว่าคนดูจะประทับใจ ขนาดว่าคุณแม่ผมเองยังสมัคร Netflix เพื่อรอดูซีรีส์เรื่องนี้เลยครับ”

ส่วน ยูอาอิน ก็เปิดเผยความรู้สึกว่า “Hellbound เป็นซีรีส์ที่ยูนิเวอร์แซลมากๆ ผู้คนจะเข้าใจและเข้าถึงเรื่องราวได้ไม่ยาก ผมหวังว่าผู้ชมทั่วโลกจะชื่นชอบมันมากๆ เช่นเดียวกับผมนะครับ” ส่วน พัคจองมิน ก็ฝากถึงผู้ชมไว้ว่า “ซีรีส์เรื่องนี้เราจะได้เรียนรู้เรื่องของกลุ่มบุคคลหรือลัทธิความเชื่อ ซึ่งมันเชื่อมโยงได้กับชีวิตทุกวันนี้ อย่างตอนถ่ายทำที่ผมอ่านบทหรือตอนที่เคยอ่านเว็บตูน ผมก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน”

สำหรับ Hellbound เป็นซีรีส์ทริลเลอร์ระทึกขวัญ เล่าถึงปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ ที่ผู้คนได้เผชิญหน้ากับยมทูตแห่งความตาย ที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นบนโลกมนุษย์โดยไม่มีใครคาดคิด และพิพากษาโทษให้มนุษย์ไปลงนรก ซีรีส์สร้างจากเว็บตูนต้นฉบับที่ชื่อว่า Hell ของ ชเวยูซอก ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยในเวอร์ชันซีรีส์ยังได้ ชเวกยูซอก นักวาดภาพประกอบจาก Awl (หรือ Songgot ในภาษาเกาหลี) มาร่วมสร้างสรรค์ และได้ ยอนซังโฮ ผู้กำกับภาพยนตร์ Train to Busan และ Peninsula มารับหน้าที่กำกับซีรีส์สุดระทึกนี้ 

• ผู้กำกับ ฮวังดงฮยอก ซีรีส์ Squid Game เมื่อ อีจองแจและพัคแฮซู ต้องร่วมเล่นเกมเอาชีวิตรอด

ผู้กำกับฮวังดงฮยอก และ อีจองแจ, พัคแฮซู นักแสดงจาก Squid Game ได้ร่วมพูดคุยเกี่ยวกับซีรีส์ทริลเลอร์ Survival Game ซึ่งเล่าถึงผู้ชายสองคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเกมลึกลับเกมหนึ่ง ซึ่ง Squid Game จริงๆ แล้วเป็นเกมที่เด็กๆ เกาหลีต้องเคยเล่นตอนเด็กๆ และเป็นจินตนาการของผู้กำกับในการตีความต่อยอดมาเป็นซีรีส์สุดระทึกขวัญ “ตอนเด็กๆ ผมเคยเล่นเกมนี้กับเพื่อนๆ แถวบ้าน และเอามาคิดว่าจะสนุกแค่ไหนถ้ามันกลายเป็นซีรีส์เกมเอาชีวิตรอด ในเรื่องจะมี 460 คนร่วมเล่นเกมนี้ พวกเขามาชิงรางวัลเพื่อให้หลุดพ้นจากหายนะตรงหน้า ผมว่ามันเป็นพล็อตที่น่าสนใจทีเดียว”

อีจองแจเล่าเสริมว่า “ผมเองก็เคยเล่นเกมนี้ตอนเด็กๆ ครับ ในเรื่อง Squid Game ผมรับบทเป็นกีฮุน การเอาชนะเกมนี้เป็นโอกาสเดียวของเขาที่เหลืออยู่ ยอมรับเลยครับว่าตอนอ่านบทมันแปลกใหม่มาก ผมไม่เคยอ่านบทอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” 

สำหรับ Squid Game เป็นผลงานซีรีส์เรื่องแรกของผู้กำกับฮวังดงฮยอก จากภาพยนตร์ Silenced, Miss Granny และ The Fortress เรื่องราวเกี่ยวกับเกมเอาชีวิตรอดสุดลึกลับที่มีเงินรางวัล 40 ล้านดอลลาร์เป็นเดิมพัน เป็นการนำเสนอประเด็นเชิงลึกและสะเทือนสังคม อีจองแจ รับบทเป็น กีฮุน ชายหนุ่มตกงานและล้มเหลว ในขณะที่ พัคแฮซู รับบทเป็น ซังอู ชายที่ประสบปัญหาหลังจากยักยอกเงินของบริษัท ทั้งสองคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเอาชีวิตรอดจากเกมสุดโหดนี้

• เปิดเผยภาพแรกการรับบทนักบินอวกาศของ กงยู, แบดูนา และอีจุน ทีมนักแสดงนำจาก  The Silent Sea

ผู้อำนวยการผลิตจองอูซอง, นักเขียนพัคอึนกโย, แบดูนา และอีจุน ทีมนักแสดงจากซีรีส์ The Silent Sea ได้ร่วมพูดคุยถึงการทำงานในซีรีส์เรื่องนี้

แบดูนา นักแสดงนำหญิงของ The Silent Sea เล่าถึงเหตุผลที่ตัดสินใจรับบทนี้ “จองอูซอง โปรดิวเซอร์ของเรื่องเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันรับงานแสดงซีรีส์นี้ค่ะ ฉันอยากทำงานร่วมกับเขา และทำไอเดียนี้ให้กลายเป็นผลงานขึ้นมาได้จริง

“ฉันรับบทเป็น ซงจีอัน นักชีววิทยาอวกาศ เป็นส่วนหนึ่งของทีมสำรวจดวงจันทร์ ตอนถ่ายทำสนุกมากค่ะ พวกเราทำงานกันประมาณ 5 เดือน ซึ่งค่อนข้างหนักมากๆ แต่ก็ท้าทายมากๆ ว่าเราจะสร้างเคมีที่ดีระหว่างนักแสดงได้ยังไงในเวลาอันสั้น ซึ่งฉันพบว่ามันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและดีมาก” 

จองอูซอง ผู้อำนวยการผลิตเล่าถึงความท้าทายใหม่ของคอนเทนต์จากเกาหลี “The Silent Sea เป็นซีรีส์ไซไฟอวกาศ งานโปรดักชันจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายมากๆ ซึ่งประสบการณ์ของทีมงานเกาหลีสำหรับเรื่องอวกาศอาจจะยังไม่มากนัก แต่มันเป็นความท้าทายมากๆ ในเรื่องรายละเอียดของชุดนักบินอวกาศ ความชื้น แรงดึงดูดที่เราต้องคำนวณตลอด ในฐานะโปรดิวเซอร์ผมภูมิใจมากที่ได้สร้างสิ่งที่ไม่น่าเชื่อขึ้นมาให้สำเร็จ”

อีจุน อีกหนึ่งนักแสดงนำก็ได้เล่าถึงความตื่นเต้นระหว่างการถ่ายทำ “ตอนถ่ายทำผมได้ใส่ชุดนักบินอวกาศ ซึ่งจากสิ่งที่เคยนึกกับของจริงมันต่างกันมากครับ ชุดที่ผมใส่หนักมากครับ รองเท้าคู่หนึ่งก็ราว 4.5 กิโลกรัมแล้ว พอใส่ชุดครบมันก็จะอึดอัดมากจนแทบหายใจไม่ออก ช่วงแรกๆ แค่เดินหรือไปห้องน้ำมันก็ยากมาก แต่ช่วงท้ายๆ ของการถ่ายทำ ผมว่าพวกเราแทบจะเต้นตอนใส่ชุดนักบินอวกาศได้แล้วครับ”

สำหรับ The Silent Sea เล่าเรื่องราวในโลกอนาคตที่น้ำดื่มและอาหารกำลังจะหมดไปจากโลก จากภาวะที่ทั้งโลกกำลังจะแห้งแล้งเป็นทะเลทราย เจ้าหน้าที่หน่วยพิเศษได้ถูกส่งไปยังฐานวิจัยบนดวงจันทร์ และเรื่องราวที่พลิกผันอย่างคาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า