×

Netflix ปล่อยหมัดสวน แง้มคอนเทนต์ใหม่ ดึงผู้ชมกลับมาจากคู่แข่ง พร้อมเรียกความสนใจของ ‘นักลงทุน’ อีกครั้ง

28.09.2021
  • LOADING...
Netflix

คอหนังฝั่งตะวันตกคงรู้จักชื่อหนังดังเหล่านี้อย่าง WandaVision, The White Lotus และ Ted Lasso ซึ่งหนังเหล่านี้ฮิตติดอันดับในสตรีมมิงของปีนี้ และหนังดังเหล่านี้ก็มีบางสิ่งที่เหมือนกันอีกคือ ไม่มีฉายใน Netflix

 

ผลกระทบของโควิดที่กินเวลานาน ทำให้สตรีมมิงคู่แข่งยักษ์ใหญ่อย่าง Disney+ และ HBO Max จากบริษัท AT&T Inc. เริ่มที่จะตั้งหลักในตลาดได้

 

จากข้อมูลของ Bloomberg ระบุว่า ในเดือนกรกฎาคม Netflix สร้างความตกใจให้แก่นักวิเคราะห์และนักลงทุน โดยคาดการณ์ว่าจะมีผู้สมัครสมาชิกเพิ่มขึ้นแค่เพียง 3.5 ล้านคนเท่านั้นในไตรมาสที่สาม แต่อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองในแง่ดีมากกว่านั้นขึ้นมาเล็กน้อย โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้เพิ่มขึ้นประมาณ 3.71 ล้านคน

 

การผลิตคอนเทนต์ที่มีคุณภาพ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้จำนวนผู้สมัครสมาชิกเติบโตมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนต่างก็จับตาดูการผลิตคอนเทนต์อย่างใกล้ชิด โดยหุ้นของ Netflix Inc. เติบโตเพียงแค่ 9.6% ในปีนี้ ตามหลังการเติบโตของดัชนี S&P 500 ที่เติบโตอยู่ที่ 19%

 

ท่ามกลางการเติบโตของผู้ใช้ที่น่าผิดหวังนี้ Netflix ได้จัดงานเพื่อเรียกความมั่นใจของนักลงทุนกลับมาอีกครั้ง โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (25 กันยายน) Netflix ได้จัดงาน Global Fan Event เป็นครั้งแรก ซึ่งมีการแอบแง้มให้ดูภาพยนตร์และรายการทีวีที่กำลังจะเปิดฉายในเร็วนี้ๆ 

 

จุดนี้เองทำให้นักลงทุนเห็นถึงโอกาสในการที่ Netflix จะพิสูจน์ว่ามีคอนเทนต์ที่สามารถกระตุ้นให้มีจำนวนผู้ใช้ใหม่เพิ่มขึ้นได้ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสตรีมมิง ที่มีการแย่งเวลาและเงินในกระเป๋าของผู้ชมกันอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

“ขณะนี้ Netflix รับรู้ถึงการแข่งขันที่ดุเดือดมากยิ่งขึ้นแล้ว” รอส เกอร์เบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gerber Kawasaki Wealth & Investment Management ซึ่งมีทรัพย์สินกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ และเป็นหนึ่งในผู้ที่ถือหุ้นใน Netflix กล่าวว่า “พวกเขาไม่เคยต้องทำการตลาดแบบว่า ‘รายการของเราดีกว่ารายการอื่น’ เพราะพวกเขามีคอนเทนต์ที่ดีที่สุดเสมออยู่แล้ว”

 

“ผู้ชมตัดสินใจว่าจะสมัครใช้บริการสตรีมมิงไหนดี โดยพิจารณาจากรายการและภาพยนตร์ที่แต่ละผู้ให้บริการนำเสนอเป็นหลัก รวมถึงอัตราค่าสมัครสมาชิกด้วย” มาริโอ สเตฟานีดิส รองประธานฝ่ายวิจัยของ Roundhill Investments กล่าว โดยหุ้นของ Netflix ที่รวมอยู่ใน Streaming Services & Technology ETF (SUBZ) ของ Roundhill ได้เพิ่มขึ้น 15% ในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากการเปิดเผยกำหนดการเปิดตัวหนังและรายการต่างๆ ของ Netflix

 

โดยจะมีการนำซิตคอมเรื่องฮิตยุค 90 เรื่อง Seinfeld กลับมาฉายซ้ำในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ และบริษัทยังซื้อผลงานของ โรอัลด์ ดาห์ล ผู้เขียนเรื่อง Charlie and the Chocolate Factory นอกจากนั้นยังได้แสดงตัวอย่างภาพยนตร์และซีรีส์มากกว่า 100 เรื่อง รวมถึงกำหนดเปิดฉายซีซันใหม่ของซีรีส์ดังอย่าง Stranger Things, Bridgerton, Tiger King 2 และ Ozark อีกด้วย

 

ทิม นอลเลน นักวิเคราะห์ของ Macquarie กล่าวว่า “กำหนดการเหล่านี้ได้ใจผู้ชมเป็นอย่างมาก เนื่องจากในฤดูกาลที่จะถึงนี้ มีหนังและซีรีส์เรื่องโปรดรอพวกเขาอยู่ และนี่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการสร้างแบรนด์ การสร้างการรับรู้ และสุดท้ายก็จะตามมาด้วยจำนวนผู้สมัครสมาชิกที่เพิ่มขึ้นในที่สุด”

 

การมาของคอนเทนต์ใหม่ๆ นี้อาจทำให้อนาคตของ Netflix ดูสดใสขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกัน หุ้นของ Walt Disney Co. ที่ร่วงลงหลังจาก บ๊อบ ชาเปค ประธานกรรมการบริหาร กล่าวว่า “การคงอยู่ของโควิดทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิตภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์เรื่องใหม่ๆ เพิ่มเติม นั่นหมายถึงการเติบโตของจำนวนผู้สมัครสมาชิกที่อาจน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้”

 

กลับมาที่ Netflix ราคาหุ้นมีการปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม หลังจากทรงๆ อยู่เป็นเวลาหลายเดือน โดยการประเมินมูลค่าของ Netflix นับว่าอยู่ในระดับที่แพงที่สุดในรอบห้าเดือน หุ้นมีการซื้อขายในอัตราส่วนราคาต่อกำไรล่วงหน้า (Forward Price-To-Earnings Ratio) อยู่ที่ประมาณ 48 เท่า ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงกระนั้นก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีอยู่ดี

 

เกอร์เบอร์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นของ Netflix ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเขาในตลาดสตรีมมิง แต่บริษัทของเขาก็ไม่ได้ลงทุนเพิ่มเติมในขณะนี้ เขากล่าวว่า Netflix อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน เนื่องจาก Netflix เหมือนธุรกิจที่อยู่ในช่วงเติบโตเต็มที่ แถมยังต้องเผชิญกับแรงกดดันจากบริการสตรีมมิงที่มีการแข่งขันสูงขึ้น รวมถึงผู้คนเริ่มออกไปดูการแสดงคอนเสิร์ตและการแข่งขันฟุตบอลนอกบ้านด้วย

 

“นั่นจะสร้างแรงกดดันต่อหุ้นและอัตราส่วน PE ในปีหน้า” เกอร์เบอร์กล่าว “แต่เมื่อคุณมองไกลออกไปหนึ่งปีจากนี้ สมมติว่าโลกเรากลับมาปกติมากขึ้นอีกครั้ง จะเห็นได้ว่า Netflix จะยังคงเป็นผู้ชนะในตลาดสตรีมมิงอยู่ดี”

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising