NETA ไม่เปลี่ยนใจ! เลือกไทยฐานผลิตส่งออกอาเซียน พร้อมผลิตอีก 2 รุ่นเอาใจคอ EV

NETA ไม่เปลี่ยนใจ! แม้ตามหลัง BYD อยู่หลายก้าว ย้ำเลือกไทยฐานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าส่งออกพวงมาลัยขวาทั่วอาเซียน หลังเข้ามาเปิดตลาดรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น NETA V ในประเทศไทยตั้งแต่ปีที่ผ่านมา เผยล่าสุดอยู่ระหว่างวางแผนจำหน่ายเพิ่มอีก 2 รุ่น NETA U (Compact SUV) และ NETA S (Sedan Coupe) และกำลังหารือการลงทุน BOI ต่อยอดธุรกิจ

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ต่างทยอยเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทย ทั้งเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น MG, Great Wall Motor, BYD, NETA, Foxconn รวมทั้งรายล่าสุดอย่าง GAC AION ท่ามกลางการแข่งขันตลาดที่ร้อนแรง NETA ช่วงชิงจังหวะนี้ผลิตเพิ่มมาอีก 2 รุ่น และยังชัดเจนว่า NETA ยกให้ไทยเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ EV พวงมาลัยขวาป้อนตลาดในภูมิภาคอาเซียน

รายงานข่าวระบุ นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หารือแผนธุรกิจกับ ฟางหยุ่นโจว ผู้ก่อตั้งและประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ Hozon ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ EV แบรนด์ NETA จากประเทศจีน และได้เข้ามาเปิดตลาดรถยนต์ EV รุ่น NETA V ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2565 ล่าสุด อยู่ระหว่างหารือถึงแผนจำหน่ายรถยนต์ EV รุ่น NETA U (Compact SUV) และ NETA S (Sedan Coupe) ซึ่ง NETA วางแผนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การผลิตรถยนต์ EV พวงมาลัยขวาสำหรับตลาดในภูมิภาคอาเซียน

โดยเมื่อเร็วๆ นี้ Hozon ได้ลงนาม MOU ความร่วมมือกับบริษัท บางชัน เยนเนอเรล เอเซมบลี (Bangchan General Assembly) ของประเทศไทย ในการผลิตรถยนต์ EV รุ่น NETA V โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในปี 2567 นี้ ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตหลักสำหรับรถยนต์ EV พวงมาลัยขวาเพื่อส่งออกไปยังอาเซียน กำลังการผลิต 20,000 คันต่อปี

อีกทั้ง NETA วางแผนที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศไปยังภูมิภาคต่างๆ มากขึ้น รวมถึงตะวันออกกลางและสหภาพยุโรป ทำให้เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากผู้บริโภคทั่วโลก

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล วางแผนผลิตรถยนต์ EV ในประเทศไทยเพื่อเป็นศูนย์กลางตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะสร้างโรงงานศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคตามที่ Hozon ลงนามในข้อตกลงกับไทยเพื่อเริ่มการผลิตรุ่น NETA V

สอดคล้องกับ สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า Hozon ตั้งเป้าให้ไทยเป็นศูนย์กลางตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าจะตามหลัง BYD ที่ได้ลงทุนในไทยเช่นกัน แต่เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในตลาดอย่างเห็นได้ชัดทั้งจากคู่แข่ง Great Wall Motors และ Tesla

และแน่นอนว่า น้องใหม่อย่าง Changan Auto ก็อยู่ระหว่างตั้งฐานผลิตในประเทศไทย จึงเป็นที่ชัดเจนว่าไทยมีความเหมาะสมในการเป็นจุดศูนย์กลางผลิตรถยนต์ EV

สำหรับประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการประกอบและส่งออกรถยนต์รายใหญ่อันดับ 4 ของเอเชียสำหรับผู้ผลิตรถยนต์อย่าง Toyota และ Honda และรัฐบาลมุ่งมั่นเป็นผู้นำ EV โดยให้สิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดนักลงทุน เช่น การลดภาษีและเงินอุดหนุนเพื่อผลักดันการผลิต EV และตั้งเป้าไว้ว่า 30% ของการผลิตรถยนต์ในประเทศจะเป็นรถยนต์ EV ภายในปี 2573

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อ้างอิง: