เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2566 บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 8.1 พันล้านบาท ลดลง 4%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 64%YoY ส่วนกำไรสุทธิปี 2565 อยู่ที่จำนวน 3.37 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 56%YoY เป็นไปตามคาด โดยสะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ในระดับทรงตัว สินเชื่อที่หดตัวลง NIM ที่ดีขึ้น Non-NII ที่สูงขึ้น และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง QoQ สำหรับรายการสำคัญในผลประกอบการ 4Q65 มีดังนี้
- คุณภาพสินทรัพย์: NPL ลดลง 3%QoQ (แต่เพิ่มขึ้น 7% ถ้านำยอดตัดหนี้สูญบวกกลับเข้ามา) Credit Cost เพิ่มขึ้น 29 bps QoQ สู่ 1.16% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ LLR Coverage เพิ่มขึ้นจาก 169% ณ 3Q65 สู่ 172%
- การเติบโตของสินเชื่อลดลง 1%QoQ และ YoY การหดตัวเกิดขึ้นในสินเชื่อภาครัฐ (ลดลง 15%QoQ และ 23%YoY) และสินเชื่อ SMEs (ลดลง 2%QoQ และ 3%YoY) ขณะที่พบการเติบโตในสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (เพิ่มขึ้น 5%QoQ และ 4%YoY) และสินเชื่อรายย่อย (เพิ่มขึ้น 3%QoQ และ 7%YoY)
- NIM เพิ่มขึ้น 19 bps QoQ โดยเกิดจากผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้น 18 bps QoQ ขณะที่ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น 10 bps
- Non-NII ดีกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น 19%QoQ (เพิ่มขึ้น 18%YoY) หลักๆ เกิดจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินและรายได้อื่น ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิลดลง (ลดลง 5%QoQ และลดลง 2%YoY)
- อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ลดลง 38 bps QoQ และ 402 bps YoY ใน 4Q65 และลดลง 189 bps ในปี 2565 สู่ 44%
กระทบอย่างไร:
เมื่อวานนี้ (23 มกราคม) ราคาหุ้น KTB ปรับเพิ่มขึ้น 3.51%DoD สู่ระดับ 17.70 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.44%DoD สู่ระดับ 1,684.66 จุด
กลยุทธ์การลงทุนและแนวโน้มผลประกอบการปี 2566: InnovestX Research ปรับประมาณการกำไรปี 2566 เพิ่มขึ้น 8% โดยคาดว่ากำไรจะเติบโต 15% (เทียบกับ 56% ในปี 2565) โดยปรับประมาณการ NIM ปี 2566 เพิ่มขึ้น 15 bps เพื่อสะท้อนการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 40 bps ในเดือนมกราคม ซึ่งมากกว่าการปรับอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้น 23 bps และดีกว่าที่คาดการณ์ไว้
สำหรับปี 2566 คาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 3% NIM จะขยายตัว 23 bps Credit Cost จะลดลง 3 bps และ Non-NII จะลดลง 2%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน ให้เรตติ้ง OUTPERFORM สำหรับ KTB และปรับราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นจาก 20 บาท สู่ 21 บาทต่อหุ้น (0.64 เท่าของประมาณการ BVPS ปี 2566) เพื่อสะท้อนการปรับประมาณการ NIM ปี 2566 เพิ่มขึ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากเงินเฟ้อสูงและเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และผลกระทบจาก FinTech