สำหรับคอกาแฟ การที่จะชงกาแฟออกมาสักแก้วให้ถูกใจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากเรื่องอุณหภูมิของน้ำร้อนต้องเหมาะสมแล้ว ระดับความละเอียดของเมล็ดกาแฟที่บดก็มีความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเลือกเมล็ดกาแฟให้ถูกปาก เพราะเมล็ดกาแฟที่ปลูกในแหล่งให้กำเนิดทั่วโลกนั้นมีคาแรกเตอร์และรสชาติที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น เมล็ดกาแฟจากประเทศเอธิโอเปียมีความเปรี้ยวนำ แต่ถ้าใครชอบเปรี้ยวน้อย ออกแนวนุ่มนวลและนัตตี้ต้องยกให้บราซิล ในขณะที่เมล็ดกาแฟจากประเทศปานามาจะได้ความช็อกโกแลต อัลมอนด์ และเฮเซลนัต
วันนี้ THE STANDARD POP จึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 3 แหล่งปลูกเมล็ดกาแฟที่เคยซบเซา แต่ได้รับการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่โดยเนสเพรสโซ ในโครงการ Reviving Origins เพื่อให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก บวกกับการมอบความรู้ที่ถูกต้องให้กับชาวไร่กาแฟ ทำให้พวกเขาสามารถผลิตเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพและดึงรสชาติออกมาได้อย่างเต็มที่ จนเกิดเป็นเมล็ดกาแฟที่มีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว ทำให้เราได้โอกาสได้ชิมรสชาติกาแฟจากซีกโลกนี้ดูสักครั้ง
เริ่มจากประเทศยูกันดา จากเดิมที่ประเทศนี้มีปัญหาจากการผันแปรของภูมิอากาศและขาดความรู้ความเข้าใจ เมื่อพวกเขาเรียนรู้วิธีการเก็บผลเชอร์รีที่ถูกต้อง บวกกับการปรับสภาพพื้นที่การเพาะปลูก ได้ร่มเงาและความสมบูรณ์ของต้นกล้วยท้องถิ่น ทำให้ได้เป็นเมล็ดกาแฟที่มีคาแรกเตอร์เข้มข้น มอบรสที่หนักแน่น แต่ยังแฝงด้วยกลิ่นหอมๆ ของผลไม้ชัดเจน
ส่วนเมล็ดกาแฟจากประเทศซิมบับเวที่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งภายในที่ส่งผลกับการเกษตร ทำให้ชาวไร่ละทิ้งการปลูกเมล็ดกาแฟไปเป็นเวลากว่า 50 ปี บัดนี้พวกเขากลับมาเพาะปลูกกาแฟอีกครั้ง จนเกิดเป็นเมล็ดกาแฟที่มีความเข้มข้นปานกลาง มีความฟรุตตี้คล้ายเบอร์รี คาแรกเตอร์ที่ได้มีความนุ่มละมุน ไม่เข้มหรืออ่อนจนเกินไป
สุดท้ายคือประเทศโคลอมเบียที่เราเคยลิ้มรสกันมาบ้าง แต่หนนี้ขอพูดถึงเมล็ดกาแฟจากเมืองคาควอตาที่หันกลับมาทำการเกษตรแบบยั่งยืน มอบผลผลิตเป็นเมล็ดกาแฟที่มีความเข้มปานกลาง แต่สดชื่นด้วยความหอมและฟรุตตี้ มีกลิ่นซีเรียลที่ปลายสัมผัส มอบรสกาแฟที่สมดุล เหมาะกับการจิบยามบ่าย
กาแฟทั้ง 3 คาแรกเตอร์มีวางจำหน่ายแล้วในรูปแบบแคปซูลเนสเพรสโซ สามารถหาซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 4 สิงหาคม 2563 ทั้งทางออนไลน์และช็อปเนสเพรสโซ ใครได้ลองชิมกาแฟทั้ง 3 ตัวแล้ว บอกเราทีว่าตัวไหนถูกใจคุณที่สุด
ภาพ: Nespresso Thailand
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
