วานนี้ (29 มิถุนายน) บรรดาผู้นำประเทศสมาชิกกลุ่ม NATO ตอบรับความต้องการของสวีเดนและฟินแลนด์ เชิญทั้ง 2 ประเทศเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของ NATO อย่างเป็นทางการ หลังผู้นำตุกรียกเลิกการวีโต้ และที่ประชุมใหญ่ในการประชุมสุดยอดผู้นำ NATO ที่จัดขึ้นที่กรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน เห็นพ้องเปิดรับสมาชิกเพิ่ม
ขั้นตอนต่อไป ผู้นำทั้ง 30 ประเทศสมาชิกจะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้ารัฐสภาของประเทศตน เพื่อให้ลงมติรับรองครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะกำหนดวันเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าในครั้งนี้จะใช้ระยะเวลาสั้นกว่าปกติอย่างมาก เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของยูโร-แอตแลนติก ต้านทานอำนาจของรัสเซียและประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน
โดยผู้นำประเทศสมาชิก NATO ออกแถลงการณ์ร่วมชี้ว่า “การเปิดรับสวีเดนและฟินแลนด์ จะทำให้พวกเขาปลอดภัยยิ่งขึ้น NATO จะแข็งแกร่งขึ้น พื้นที่แถบยูโร-แอตแลนติกจะมั่นคงขึ้น ความมั่นคงของทั้งสวีเดนและฟินแลนด์มีความสำคัญโดยตรงกับกลุ่มสมาชิก รวมถึงกระบวนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกด้วย”
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริการะบุว่า “สหรัฐฯ และพันธมิตรของเรากำลังเดินหน้าไปอีกขั้น เรากำลังพิสูจน์ให้เห็นว่า NATO เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญมากกว่าครั้งไหนๆ เมื่อร่วมมือกับพันธมิตร เราจะสร้างหลักประกันได้ว่า NATO พร้อมที่จะจัดการกับความท้าทายทุกรูปแบบ ทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นบนบก ท้องฟ้า หรือในทะเล”
ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ตัดพ้อ หลัง NATO เปิดรับสมาชิกใหม่อีก 2 ประเทศ เนื่องจากยูเครนก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องการสมัครเข้าเป็นสมาชิกใหม่ของ NATO มากที่สุดประเทศหนึ่งในช่วงเวลานี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากแรงขับของสงครามรุกรานโดยกองทัพรัสเซียที่ยังคงดำเนินอยู่ในขณะนี้
“ที่ผ่านมายูเครนยังทุ่มเทไม่พอใช่ไหม เรายังอุทิศตนปกป้องความมั่นคงของยุโรปและพลเมืองทั้งประเทศไม่เพียงพอใช่ไหม เรายังต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีก”
การเข้าเป็นสมาชิก NATO ของยูเครน จะยิ่งเป็นการสั่นคลอนความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านอย่างรัสเซีย และอาจยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลายกลายเป็นสงครามใหญ่มากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม NATO ระบุว่า พวกเขาจะยังคงยืดหยัดช่วยเหลือยูเครน จนกว่าสงครามรุกรานครั้งนี้จะสิ้นสุดลง
ภาพ: Celestino Arce / NurPhoto via Getty Images
อ้างอิง: