วันนี้ (15 มกราคม) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมร่วมกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีสำคัญในพื้นที่นครบาล โดยกล่าวว่า เตรียมประสานทูตแต่ละประเทศ รวมทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จากที่ผ่านมามีคนร้ายใช้ประเทศไทยในการก่อเหตุอาชญากรรมหลายรูปแบบ วันนี้สั่งการเน้นย้ำกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเร่งรัดและกวาดล้าง ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
โดยเฉพาะกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนว่ามีชาวจีนหลอกลงทุนเงิน USDT ในหลายพื้นที่ และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ขั้นตอนรับแจ้งความและเรียกรับผลประโยชน์ โดยกรณีดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลประเวศ, พญาไท และบางรัก ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นการสร้างความสูญเสีย ทำลายภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก จึงสั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็จะถูกดำเนินทั้งทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด
ส่วนคดีที่คนจีนหลอกลงทุนกันเอง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพื่อให้ความเป็นธรรม ทั้งยังเน้นย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีการโยกย้ายหรือสั่งให้ใครไปช่วยราชการแต่อย่างใด เพราะการถูกกล่าวหาจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบทั้งหมด ขอยืนยันว่า ตำรวจไม่เข้าข้างตำรวจด้วยกันอย่างแน่นอน หากพบว่ากระทำความผิดจะดำเนินการทางวินัยอย่างเข้มข้น
ส่วนคดีที่คนจีนวิ่งราวทรัพย์คนจีนด้วยกันในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน 3 คดี ในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง 2 คดี เรื่องเงิน 5 ล้านบาท และ 8 ล้านบาท ส่วน สน.มักกะสัน 4.5 ล้านบาท โดยทั้ง 3 เคสมี เฉิน เป็นตัวกลางในการทำธุรกรรมเกี่ยวกับเงินดิจิทัล โดยขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องประสานกับกองการต่างประเทศในการออกหมายแดงเพื่อติดตามตัวเฉินมาดำเนินคดี แม้ว่าเฉินจะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว
ทั้งนี้ จากการสืบสวนยังทราบว่าทุกเคสที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายและผู้ต้องหารู้จักกันทั้งหมด แต่กลับมาก่อเหตุในประเทศไทย ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 20 มกราคม จะมีการเรียกประชุมใหญ่พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางป้องกัน
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีที่อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ฝ่ายค้านกัมพูชา ถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่ สน.ชนะสงครามว่า ได้รับรายงานว่าหลังเกิดเหตุตำรวจพิสูจน์ทราบผู้กระทำความผิดภายในไม่กี่ชั่วโมงและสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีได้ และในขณะนี้อยู่ระหว่างประสานกับกัมพูชา เพื่อติดตามผู้ต้องหาอีก 2 คนที่หลบหนี มาดำเนินคดี จากการสอบสวนทราบว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างผู้จ้างวานและผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองระดับประเทศ
“การพูดในครั้งนี้ไม่ได้ปกป้องหรือพูดเพื่อเอาใจใคร แต่แนวทางการสืบสวนสอบสวนออกมาชัดเจน” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าว
สำหรับกรณีที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เกือบโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก โดยมิจฉาชีพใช้เสียงผู้นำประเทศโทรมาแอบอ้างนั้น พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมท่านนายกฯ ที่ไม่หลงกล แม้เสียงจะเหมือนผู้นำต่างประเทศ ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาได้เชิญผู้บริหารค่ายโทรศัพท์ต่างๆ เข้ามาพูดคุย เพื่อประสานความร่วมมือกัน โดยต้องการให้เครือข่ายของโทรศัพท์ใช้เครื่องมือสมัยใหม่ในการตรวจสอบข้อมูลการใช้โทรศัพท์ เพื่อเป็นการป้องกันผู้บริโภค ทั้งนี้ มองว่าการป้องกันในเบื้องต้นประชาชนควรที่จะมีสติ