วันนี้ (10 พฤศจิกายน) ฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย สมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร, สุภวัฒน์ สงวนงาม กรรมการผู้จัดการ, วีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอาวุโสกลุ่มเนชั่น, ปกรณ์ พึ่งเนตร บรรณาธิการบริหารเนชั่นทีวี และ นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ ประธานสหภาพแรงงานเครือเนชั่น
ฉายกล่าวว่า การที่มีบุคลากรคุณภาพ ตั้งใจทำงานเพื่อองค์กร ลาออกไปเป็นเรื่องปกติของธุรกิจ แต่เนชั่นทีวีเป็นองค์กรข่าว ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาโดยตลอด ดังนั้น เราไม่ได้ขายดาราหรือผู้ประกาศ แม้เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ เราขายความน่าเชื่อถือและความจริง เป็นดั่งแสงเทียนนำทางของสังคมในยามที่วิกฤต เป็นดั่งกระจกสะท้อนสังคม ‘เนชั่น’ เป็นองค์กรมหาชน มีผู้ถือหุ้นเป็นพันเป็นหมื่นคน และโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีชื่อของบุคคลทางการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลเข้ามาถือหุ้น ส่วนกระแสข่าวลื่อต่างๆ เป็นการใส่ร้ายป้ายสี และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับผลประกอบการ
ฉาย ระบุว่าวันพฤหัสบดีนี้ (12 พฤศจิกายน) จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ และพูดคุยกับผู้ก่อตั้ง ซึ่งปีหน้าจะครบ 50 ปี และเตรียมทาบทาม ‘อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ’ อดีตผู้บริหารเนชั่น กลับมาเป็นผู้บริหารเครือเนชั่นอีกครั้ง เพื่อการพัฒนาองค์กร
ฉายยังกล่าวถึง กนก รัตน์วงศ์สกุล และ ธีระ ธัญไพบูลย์ อดีตผู้ประกาศข่าวเนชั่นทีวีที่ลาออกไป ซึ่งยอมรับด้วยว่ามารดาตนเป็นแฟนคลับของทั้ง 2 คน ซึ่งได้ทำคุณประโยชน์ให้เนชั่นมากมาย และพร้อมที่จะต้อนรับกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง ฉายยืนยันว่า ประตูบ้านหลังนี้ต้อนรับทั้ง 2 คนเสมอ ซึ่งจากที่ตนได้สัมผัสกับธีระและกนก ถือเป็นบุคลากรที่ประคองตัวเองได้อย่างดีมาโดยตลอด ไม่ยุ่งเกี่ยวหรือเข้าใกล้กับผลประโยชน์ หรือขั้วอำนาจ หรือนักการเมือง นั่นคือสิ่งที่ตนชื่นชมมาก และเห็นว่าทั้ง 2 คน ควรเป็นต้นแบบให้พนักงานทุกคนในการทำงานและการดำเนินชีวิตด้วย
ฉายกล่าวด้วยว่า “มีแต่คนที่มองโลกในแง่ร้ายกลัวการเปลี่ยนแปลง แต่คนมองโลกในแง่ดีและมีความกล้า จะมองเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลง จะเป็นหมาเฝ้าบ้านดูแลผลประโยชน์ของชาติ ตรวจสอบทุจริตคอร์รัปชัน นั่นคือหน้าที่ของเรา ที่จะทำอย่างครบถ้วนตามหลักคุณธรรมและจริยธรรมสื่อ ซึ่งหัวใจหลักและรากแก้วขององค์กรที่สำคัญที่สุด”
ขณะที่ปกรณ์ยืนยันว่า จุดเด่นของเนชั่นคือ ความเข้มข้นของเนื้อหาข่าว โดยจากนี้ ข่าวการเมืองมีเหมือนเดิม แต่จะเสริมข่าวสังคม ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะให้น้ำหนักน้อยไป เมื่อปรับรูปแบบการทำงานแล้วผลก็จะเปลี่ยนไป จากนี้พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนทุกฝ่าย เพื่อปรับปรุงพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ด้านวีระศักดิ์ระบุว่า ตนผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้อาจทำให้ให้คนอื่นๆ ตื่นเต้น แต่ตนถือว่าเล็กน้อยมาก จึงขอให้มั่นใจและตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำสู่สิ่งที่ดีเสมอ รวมถึงครั้งนี้ด้วย ที่จะกลับไปสู่การทำหน้าที่สื่อ และเป็นสถาบันสื่อมืออาชีพอย่างแท้จริง ตาม DNA หรือ Nation Way ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้งเครือเนชั่น
THE STANDARD สอบถามถึงการขยับกลับไปสู่ทิศทาง Nation Way อยากให้ขยายความ และการตัดสินใจกลับมาที่ทิศทางดังกล่าว แสดงว่า Way หรือทิศทางที่ผ่านมามีปัญหาอย่างไร
วีระศักดิ์ตอบว่า Nation Way เป็นหลักการการทำสื่อที่หลายสถาบันการศึกษาเอาไปใช้ และหลายที่นำไปต่อยอด ต้องบอกว่า Nation Way ไม่ใช่การเขียนรัฐธรรมนูญแล้วแก้ไม่ได้ ที่ผ่านมามีการปรับปรุงตามยุคสมัย ถ้าใครได้ดู Nation Way ก็จะมีเรื่องของหลักการและยุคสมัย ที่ต้องปรับไปตามยุคสมัยและการเปลี่ยนแปลง หลักการของมันคือ การรายงานข่าวที่ให้ความเป็นธรรมกับคนที่ถูกพาดพิงหรือถูกกล่าวหามีสิทธิ์ชี้แจง อาจจะบิดเบี้ยวไปบ้าง จากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ เราต้องดึงตัวนี้กลับมา ทุกคนทุกส่วนต้องได้รับความเป็นธรรม ไม่ไปเอาเฮตสปีช หรือข่าวลือที่ไม่จริงมารายงาน ต้องตรวจอย่างรอบคอบ นี่คือสิ่งที่เราต้องเดินหลังจากนี้
นอกจากนี้ ฉายตอบถึงกระแสข่าวการดึงคนข่าวเนชั่นในอดีตกลับมาว่า ต้นไม้ใหญ่มีการผลัดใบ นกที่เคยเกาะบินออกไปก็มีโอกาสบินกลับมาได้เสมอ ตนยอมรับว่ามีการทาบทามพูดคุยกับผู้บริหารเนชั่นทีวีบางรายจริง
เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยกับสุทธิชัย หยุ่น หรือไม่ ฉายตอบว่า เรามีแนวทางหารือกับผู้ถือหุ้นสำคัญทุกราย รวมถึงผู้ที่ร่วมสร้างบ้านหลังนี้ เรื่องผลประกอบการนั้นไม่มีผลต่อการนำเสนอข่าว กองบรรณาธิการยังอยู่ครบ
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
