อีกไม่กี่อึดใจ แฟนๆ ก็จะได้พบกับเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่อย่าง Summer Sonic Bangkok 2024 ในวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 24-25 สิงหาคม ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ซึ่งปีนี้ก็เป็นครั้งแรกที่ Summer Sonic เทศกาลดนตรีประจำปีสุดยิ่งใหญ่ของเอเชียได้บุกตลาดในประเทศไทยอย่างเต็มตัว และขนเอากองทัพศิลปินระดับโลกที่พร้อมมาโชว์บนสเตจกันอย่างคับคั่ง
THE STANDARD POP มีโอกาสสัมภาษณ์กับ Naoki Shimizu ผู้ก่อตั้งเฟสติวัลนี้ และเป็นซีอีโอแห่งบริษัท Creativeman Productions โดยพูดคุยเกี่ยวกับเทศกาลดนตรี Summer Sonic และแง่มุมทางดนตรีของเขา รวมถึงการคัดเลือกไลน์อัพที่ต้องขึ้นมาโชว์กันอย่างเอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่ง Naoki จะให้คำตอบกับเรื่องนี้อย่างไรนั้น เราลองไปอ่านบทสัมภาษณ์ของเขากันเลยดีกว่า
จุดเริ่มต้นของเทศกาลดนตรี Summer Sonic มีความเป็นมาอย่างไร
จริงๆ แล้วผมเป็นครีเอทีฟ ทำงานกับบริษัทต่างๆ มาก่อนหน้านี้ประมาณ 10 ปีได้ ซึ่งผมรู้สึกว่ามีศิลปินจำนวนมากที่เติบโตในช่วงเวลา 10 ปีนั้น หลังจากที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2000 ผมก็รู้สึกว่าศิลปินเหล่านั้นควรจะมีเฟสติวัลที่สามารถออกไปแสดงได้เหมือนกับต่างประเทศบ้าง
อันที่จริงผมมีอีเวนต์ที่ประเทศอังกฤษอยู่แล้ว พวกผมเดินทางไปดูงานเหล่านั้นอยู่บ่อยๆ และที่นั่นก็ได้สับเปลี่ยนศิลปินกันเพื่อนำมาแสดง เลยใช้โมเดลในรูปแบบคล้ายๆ กันเพื่อเอามาจัดที่โตเกียวและโอซาก้า
ความทรงจำแรกเกี่ยวกับดนตรีของคุณคืออะไร
ช่วงผมเรียนอยู่ชั้นประถม ราวๆ 10 ขวบ เพลงร็อกค่อนข้างโด่งดังในประเทศญี่ปุ่นมาก ตอนนั้นก็มีวง ‘Eagles’ กับเพลง ‘Hotel California’ ที่ดังไปทั่ว จนต้องซื้อแผ่นมาเก็บไว้ หลังจากที่ได้ฟัง ผมก็ชื่นชอบโลกของดนตรีขึ้นมาเรื่อยๆ นี่เลยเป็นจุดเริ่มต้นในวงการเพลงของผม
ทำไมคุณถึงคิดว่าประเทศไทยคือโลเคชันที่ดีสำหรับการเปิดตัวเทศกาล Summer Sonic เป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก่อนอื่นผมได้ทดลองทำอีเวนต์คล้ายๆ กันไปบ้างแล้วที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ และเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่อีเวนต์ที่ผมทำครั้งเดียวแล้วก็จบไป
หลังจากนั้นพอพูดถึงเรื่องของ Summer Sonic และเชื่อมโยงไปถึงประเทศไทย ผมก็มองว่าที่นี่ต่อยอดเฟสติวัลได้ดีเลยทีเดียว จึงสนใจจุดนี้ขึ้นมา และพยายามที่จะศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยมากขึ้นในมุมของการฟังดนตรี
ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่โด่งดังของญี่ปุ่น รวมถึงในต่างประเทศ โซนยุโรป และเกาหลี ทุกอย่างก็ล้วนไวรัลและเป็นกระแสได้ในญี่ปุ่นนะ ผมมองว่าในประเทศไทยนั้นเหมือนกันเลย พอพฤติกรรมใดๆ คล้ายกัน ผมก็เลยเรียนรู้ลงไปเกี่ยวกับวัฒนธรรมการฟัง จนสุดท้ายก็มาเป็น Summer Sonic
อะไรที่ทำให้เทศกาล Summer Sonic แตกต่างไปจากเทศกาลดนตรีอื่นๆ
ไม่ว่าจะเป็น Lollapalooza หรือ Coachella จริงๆ แล้วตัว Summer Sonic ก็เป็นอีเวนต์ที่ความคล้ายคลึงกับอีเวนต์จากฝั่งยุโรปเลย แต่จุดที่มีความแตกต่างกันคือมีนักร้อง ศิลปิน จากเอเชียที่ได้รับ Booking มาโชว์เยอะมาก ในปัจจุบันผมมองว่าศิลปินจากฝั่งเอเชียได้รับ Booking เพื่อไปอีเวนต์ต่างๆ กันมากยิ่งขึ้น
อีกอย่างที่เป็นจุดเด่นของ Summer Sonic คือไลน์อัพของศิลปินที่เรา Booking มา ฝั่งผู้หญิงที่เป็นป๊อปค่อนข้างมีเยอะมาก เช่น Beyoncé เราก็มี ผมว่าจุดนี้เลยเป็นจุดเด่นของอีเวนต์ที่แตกต่างไปจากคนอื่น
ในแง่ของรายชื่อศิลปิน คุณคิดว่า Summer Sonic ที่ประเทศไทยจะแตกต่างจากที่ประเทศญี่ปุ่นอย่างไร
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหนักใจมากๆ เป็นอันดับต้นๆ ในการเลือกเฮดไลเนอร์จากไลน์อัพ Summer Sonic นั่นก็คือ คนไทยอาจไม่ได้ชอบเพลงร็อกเหมือนกับญี่ปุ่นที่ชอบพวก Blink-182, Måneskin ที่ญี่ปุ่นต่อให้เล่นติดกัน 3 วันอย่างไรก็ Sold Out แต่พอมาเป็นที่ไทยก็คงไม่ได้ นี่เป็นจุดที่ทำให้ผมมองว่าแตกต่างกันไปในแง่ของดนตรี
ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้ว การเลือกดนตรีทั้งไทยและญี่ปุ่นในปีนี้ก็ดูเข้มข้นมากกว่าปกติ อย่างที่ญี่ปุ่นจะค่อนข้างเน้นไปทางร็อกซะมากกว่า ถ้าคนไทยฟังร็อกก็จะเป็นการฟังร็อกที่เน้นเมโลดีชัดๆ สิ่งที่คนชอบส่วนใหญ่มักจะเป็นป๊อปหรือฮิปฮอป บางไลน์อัพทางฝั่งญี่ปุ่นเราเลยไม่ได้ Booking ไว้เพื่อนำมาแสดงที่ไทย ผมว่ามองว่านี่ก็เป็นเรื่องที่ยากอยู่พอสมควรในการเลือกสรร
อย่าง 2 ปีก่อน ผมจะเลือกสไตล์ประมาณ Post Malone ปีต่อมาเป็น Kendrick Lamar ส่วนปีนี้ผมมองไว้ว่าเป็น Travis Scott ซึ่งตอนแรกมองว่าที่ไทยน่าจะขายได้เหมือนกัน แต่พอดีตารางเขาไม่ได้ ก็น่าเสียดายเหมือนกัน
มีศิลปินไทยคนไหนที่ชื่นชอบหรือรู้จักบ้างหรือเปล่า
อย่าง Bodyslam ที่เป็นวงร็อกของประเทศไทย รวมถึง กอล์ฟ F.HERO สองท่านนี้ผมเคยฟังเพลงของพวกเขามาก่อนหน้านี้แล้ว แล้วพอมาฟีเจอริงกับ BABYMETAL ผมคิดว่าชื่อเสียงของทั้งสองท่านน่าจะทำให้คนญี่ปุ่นรู้จักพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ
รวมถึง Summer Sonic เมื่อปีที่แล้ว ก็มีทั้ง Billkin และ PP Krit ไปร่วมในฐานะคนไทยเป็นปีแรก ซึ่งนั่นทำเอาผมตกใจมาก เพราะมีคนสนใจดนตรีไทยมาดูโชว์มากขนาดนี้ ผมเลยรู้สึกว่าการเลือกทำ Summer Sonic ที่ไทยในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม นำศิลปินไทยและญี่ปุ่นมาดึงดูดตลาดกันและกันระหว่างสองประเทศนี้ไปในตัว
สำหรับไลน์อัพของ Summer Sonic มีทั้งศิลปิน J-Pop และ K-Pop แต่ที่ประเทศไทยเราเองก็มี T-Pop เช่นกัน ส่วนตัวคุณรู้จักวงการ T-Pop ของเรามากแค่ไหน
เรียกได้ว่าจริงๆ ก็มีผ่านตาผมมาบ้างนะ ผมได้ไปค้นหาและสำรวจโลกของ T-Pop ใน Spotify ไว้เหมือนกัน แต่ถ้าถามว่ารู้จัก T-Pop ลึกขนาดนั้นไหม ผมขอตอบว่ากำลังอยู่ในขั้นตอนศึกษาดนตรีของประเทศไทยซะมากกว่า หรืออย่าง K-Pop ผมก็จะลองเปิดฟังในแอปเป็นหลัก
เพลงอะไรอยู่ในเพลย์ลิสต์ของคุณตอนนี้บ้าง
เอาเป็นว่าผมเป็นคนที่ฟังเพลงในเพลย์ลิสต์ของ Summer Sonic บ่อยมากๆ แต่ว่าช่วงนี้ชอบ Tyla และ PinkPantheress มากๆ ผมอยากพาพวกเขามาแสดงที่ Summer Sonic มากๆ
อย่างไรก็ดี ผมจะบอกว่า ด้วยความที่เป็นงานดนตรีร็อก แต่ผมก็รีบ Booking คิวของศิลปินแถวหน้าอย่าง Lady Gaga, Billie Eilish, Dua Lipa ไว้แต่เนิ่นๆ ด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าอนาคตของศิลปินเหล่านี้จะเติบโตได้ขึ้นไปอีกเรื่อยๆ เลย
พลังพิเศษของดนตรีในมุมมองคุณคืออะไร
พลังพิเศษของดนตรีในมุมมองผม ผมมองว่ามันมีพลังต่อคนมากๆ เลยนะ อย่างในแต่ละปีผู้ชมที่เข้ามาดู Summer Sonic ตั้งแต่หลักพันไปถึงล้านคน ในทาร์เก็ตคนดูก็มีทั้งคนที่ทำวงดนตรีหรือฟอร์มกรุ๊ปกันเอง หรือจะเป็นทั้งเทรนนีและไอดอลมาที่เทศกาลเรา พอพวกเขาเหล่านี้ได้มาดูเฟสติวัลก็ทำให้บางคนมีแรงบันดาลใจและอยากขับเคลื่อนตัวเองเพื่อทำงานในอุตสาหกรรมนี้ต่อไป
ในอีกแง่มุมหนึ่ง ผมมองว่า Summer Sonic เองก็ทำงานกับใจคนเหมือนกัน เช่น เราประกาศว่าจะมีเทศกาล Summer Sonic ตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคม คนก็จะคาดหวังว่าปีนั้นจะมีไลน์อัพอะไรมาโชว์บ้าง จนมารู้กันอีกทีเพื่อเตรียมไปสนุกพร้อมกันหน้าเวทีก็เดือนสิงหาคมเลย รวมถึงคนที่เตรียมงาน พวกเขาก็เตรียมตัวมาตั้งแต่ต้นปี จบงานไปก็ต้องรีบคิดกันต่อ ใช้ชีวิตตลอดปีแบบเกี่ยวพัน ดนตรีเลยมีพลังในชีวิตคนเป็นอย่างมาก
ภาพ: ธนภัทร์ คำลือเกียร, Summer Sonic, Courtesy of Artists
