การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม. สัญจร) ที่จังหวัดนครพนม ในวันที่ 29 เมษายนนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญอีกครั้ง สำหรับการพัฒนาจังหวัดชายแดนแห่งนี้
ย้อนกลับไปในอดีต เมื่อครั้งที่ ครม. สัญจรในสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ปี 2547ได้อนุมัติโครงการสำคัญระดับภูมิภาคอย่างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) งบประมาณกว่า 1,700 ล้านบาท และการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนครพนม ซึ่งได้พลิกโฉมและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับจังหวัดนครพนมมาจนถึงปัจจุบัน
การประชุม ครม. สัญจร ครั้งนี้ จึงเป็นที่จับตามองว่า จะมีโครงการสำคัญใดบ้างที่จะได้รับการผลักดัน
ยกระดับกลุ่มจังหวัดสนุก กระตุ้นท่องเที่ยว
รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร-นครพนม-มุกดาหาร) ให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2568 ที่ถูกผลักดันให้เป็นปีทองแห่งการท่องเที่ยว รัฐบาลได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมเมืองรองให้เป็น ‘เมืองน่าเที่ยว’ ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยวตลอดทั้งปี
สำหรับกลุ่มจังหวัดสนุก รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นพิเศษด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ โดยจะมีการส่งเสริม 3 เทศกาลสำคัญในช่วงออกพรรษา (7 ตุลาคม 2568) ได้แก่
- การยกระดับเทศกาลไหลเรือไฟสู่มหกรรมเรือไฟโลกเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทย
- งานแห่ปราสาทผึ้งเพื่อสืบสานภูมิปัญญาจากขี้ผึ้งธรรมชาติ
- เทศกาลแข่งเรือยาวโบราณ รวมถึงประเพณีแข่งเรือยาวออกพรรษา ซึ่งเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว
ตั้งคณะแพทย์ มนพ. รองรับบุคลากรขาดแคลน
นอกจากนั้นรัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตด้านสาธารณสุขในภาคอีสานตอนบน โดยได้อนุมัติจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อผลิตแพทย์ที่มีคุณภาพ รองรับความต้องการของชุมชนในภาคอีสานตอนบน และแก้ปัญหาความขาดแคลนแพทย์ของชุมชน
เชื่อมโยงทุกมิติคมนาคม รับนักท่องเที่ยวและประชาชน
กระทรวงคมนาคมเตรียมนำเสนอแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในกลุ่มจังหวัดสนุก (สกลนคร นครพนม มุกดาหาร) ครอบคลุมทั้งทางอากาศ ทางถนน และทางราง เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางและการขนส่งอย่างครบวงจร
ทางอากาศ: เตรียมเพิ่มเส้นทางบินสู่ท่าอากาศยานนครพนมและสกลนคร พร้อมศึกษาการก่อสร้างสนามบินมุกดาหาร คาดแล้วเสร็จปี 2568
ทางราง: โครงการรถไฟทางคู่ บ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม คาดเปิดให้บริการปี 2571 รองรับผู้โดยสารกว่า 3.8 ล้านคน/ปี และขนส่งสินค้ากว่า 7 แสนตัน/ปี นอกจากนี้ ยังมีแผนรถไฟสายใหม่อีก 3 เส้นทางในอนาคต
รวมถึงการก่อสร้างศูนย์ขนส่งสินค้าชายแดนนครพนม เปิดปี 2568 เชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางถนนบนเส้นทาง R12 ระหว่างไทย-สปป.ลาว-เวียดนาม-จีนตอนใต้ และรองรับการเปลี่ยนถ่ายสินค้า ให้เป็นศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ที่ให้บริการแบบ One Stop Service
ทางถนน: ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จหลายโครงการ และมีแผนก่อสร้างเพิ่มเติมอีกกว่า 20 โครงการในพื้นที่ เพื่อเสริมความเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดและประเทศเพื่อนบ้าน
สืบสานพระราชปณิธาน ‘นาหว้าโมเดล’
กลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ เตรียมมอบผ้าไหมลายสิริราชพัสตราภรณ์ที่ทอขึ้นเป็นพิเศษแด่นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี โครงการศิลปาชีพตามแนวพระราชดำริ และการขับเคลื่อนโครงการสืบสานพระราชปณิธาน ‘นาหว้าโมเดล’ ภายใต้แนวคิดผ้าไทยใส่ให้สนุก
คุณแม่วงเดือน อุดมเดชาเวทย์ ประธานกลุ่มฯ เปิดเผยถึงความภาคภูมิใจที่ได้ถวายงานทอผ้าแด่สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยให้การสนับสนุนและส่งเสริมผ้าไหมของกลุ่มจนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ ในการประชุม ครม. สัญจร จังหวัดนครพนม จะมีการมอบ ‘ชุดสีโคตรบูร’ ซึ่งตัดเย็บจากผ้าไหมทอมือของกลุ่มศิลปาชีพทอผ้าไหมบ้านท่าเรือ ลายขอก่ายแก้ว อันเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ให้แก่ครม.ได้สวมใส่ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสืบสานภูมิปัญญาผ้าไทยอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้จังหวัดยังเตรียมมอบกระเป๋ากกสานลายเกล็ดพญานาคและลิ้นจี่นครพนมพันธุ์ นพ.1 ที่ปลูกในเขตพื้นที่จังหวัดนครพนม และได้ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นของที่ระลึกอีกด้วย
แก้ปัญหาเส้นทางขนส่ง R12-ปรับวิธีตรวจทุเรียน หนุนค้าชายแดน
การลงพื้นที่จังหวัดนครพนมของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ยังมุ่งเน้นไปที่การติดตามสถานการณ์การค้าชายแดน ณ ด่านศุลกากรนครพนม ซึ่งเป็นประตูสำคัญในการเชื่อมโยงการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว เวียดนาม และจีน ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 และด่านท่าเทียบเรือเทศบาลเมืองนครพนม
ทั้งด่านศุลกากรนครพนม และด่านตรวจคนเข้าเมืองนครพนม ต่างมีบทบาทสำคัญในการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการเดินทางข้ามพรมแดน รวมถึงการสกัดกั้นการกระทำผิดกฎหมาย
นายด่านศุลกากรนครพนมเปิดเผยถึงปัญหาและอุปสรรคที่ผู้ประกอบการในพื้นที่กำลังเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นเรื่องเส้นทางการขนส่ง R12 ที่มีสภาพไม่สมบูรณ์และมีเพียง 2 ช่องจราจร ทำให้เกิดปัญหาการขนส่งชะงักเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนถึงความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าผลไม้ เช่น ทุเรียน ที่ทางการจีนกำหนดให้ตรวจสอบสารแคดเมียม และ BY2 จากแหล่งที่ได้รับการรับรองเท่านั้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการส่งออก
ผู้ประกอบการจึงเสนอให้รัฐบาลเจรจากับจีนเพื่อปรับเปลี่ยนเป็นการสุ่มตรวจแทนการตรวจทุกตู้สินค้า เพื่อลดระยะเวลาในการดำเนินการ นอกจากนี้ยังมีการเสนอให้รัฐบาลพิจารณาเจรจาเพื่อขยายเวลาเปิดทำการของด่านตงซิง ซึ่งปัจจุบันเปิดทำการเฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เพื่อให้การขนส่งสินค้ามีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น