วันนี้ (2 มกราคม) สาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ แถลงว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดคดีสำคัญกรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ
กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จำนวน 3 ราย ฝากผู้อื่นหรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์แสดงตนและลงคะแนนแทนในการพิจารณาและลงมติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 โดยที่ตนเองไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (3 สำนวนคดี)
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2556 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 24 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 สมัยสามัญทั่วไป เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ. …. ได้ปรากฏชื่อ ชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว และ ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ อดีต สส. พรรคประชาธิปัตย์ และ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ อดีต สส. พรรคเพื่อไทย แสดงตนและลงคะแนน ทั้งที่บุคคลทั้ง 3 รายไม่อยู่ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรตลอดระยะเวลาที่มีการประชุม
เนื่องจากมีการเดินทางไป-กลับต่างจังหวัดโดยเครื่องบิน กรณีนี้จึงรับฟังได้ว่า ชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว, ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ และ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ได้ฝากบัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของตนไว้กับ สส. รายอื่น หรือยินยอมให้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์ของตนไปอยู่ในความครอบครองของ สส. รายอื่น เพื่อให้ สส. รายนั้นใช้บัตรประจำตัวอิเล็กทรอนิกส์กดปุ่มแสดงตนและลงคะแนนแทนในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้
การกระทำของ ชัยวุฒิ ผ่องแผ้ว, ภิรพล ลาภาโรจน์กิจ และ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ มีมูลความผิดทางอาญาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 โดยปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัย ไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลตามฐานความผิดดังกล่าวตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 76